Skip to Content

แอคชูเอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Actuator)

March 7, 2025 by
แอคชูเอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Actuator)
Rak Rakdet

ในโลกของระบบอุตสาหกรรมและออโตเมชั่น การควบคุมกระบวนการผลิตอย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง แอคชูเอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Actuator) เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยในการควบคุมการเปิด-ปิดวาล์วและระบบต่างๆ ผ่านระบบไฟฟ้า ซึ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำ ความเสถียร และประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต บทความนี้จะนำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับแอคชูเอเตอร์ไฟฟ้า หลักการทำงาน ประเภท ข้อดีข้อเสีย และการประยุกต์ใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ


Electric Actuator คืออะไร?

แอคชูเอเตอร์ไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่แปลงพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกล เพื่อควบคุมการเคลื่อนไหวของวาล์วหรือกลไกต่างๆ ในระบบอุตสาหกรรม โดยสามารถทำงานได้หลายรูปแบบ ทั้งการควบคุมแบบเปิด-ปิดสมบูรณ์ (On-Off) การควบคุมแบบสามตำแหน่ง และการควบคุมแบบต่อเนื่อง (Modulating Control) ซึ่งสามารถปรับตำแหน่งได้อย่างแม่นยำตามสัญญาณควบคุมที่ได้รับ

แอคชูเอเตอร์ไฟฟ้าเป็นส่วนสำคัญในระบบควบคุมอัตโนมัติ (Automation System) ที่ต้องการความเสถียรสูง การตอบสนองรวดเร็ว และความแม่นยำในการควบคุม โดยเฉพาะในกระบวนการที่ต้องการควบคุมการไหลของของเหลว ก๊าซ หรือวัสดุผงต่างๆ


ประเภทของ Electric Actuator

แอคชูเอเตอร์ไฟฟ้าสามารถแบ่งออกเป็นประเภทหลักๆ ได้ดังนี้:

1. Linear Electric Actuator (แอคชูเอเตอร์ไฟฟ้าแบบเชิงเส้น)

แอคชูเอเตอร์ประเภทนี้สร้างการเคลื่อนที่ในแนวเส้นตรง เหมาะสำหรับงานที่ต้องการการผลักหรือดึงในแนวตรง มักใช้ในการควบคุมวาล์วแบบประตูน้ำ (Gate Valve) หรือวาล์วโกลบ (Globe Valve) ระบบการทำงานมักประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนสกรูหรือระบบเฟือง เพื่อแปลงการหมุนเป็นการเคลื่อนที่ในแนวเส้นตรง

การใช้งานหลักของ Linear Electric Actuator ได้แก่:

  • ระบบควบคุมการไหลในท่อส่ง
  • ระบบปรับตำแหน่งในเครื่องจักรอุตสาหกรรม
  • ระบบเปิด-ปิดประตูหรือหน้าต่างอัตโนมัติ
  • ระบบปรับความสูงหรือตำแหน่งของอุปกรณ์ต่างๆ

2. Rotary Electric Actuator (แอคชูเอเตอร์ไฟฟ้าแบบหมุน)

แอคชูเอเตอร์ประเภทนี้สร้างการเคลื่อนที่แบบหมุน เหมาะสำหรับการควบคุมวาล์วแบบบอล (Ball Valve) วาล์วผีเสื้อ (Butterfly Valve) หรือวาล์วปลั๊ก (Plug Valve) ซึ่งต้องการการหมุนเพื่อเปิด-ปิด ระบบนี้มักใช้มอเตอร์ไฟฟ้าที่ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์เพื่อให้ได้แรงบิดตามที่ต้องการ

การใช้งานหลักของ Rotary Electric Actuator ได้แก่:

  • ระบบควบคุมวาล์วในโรงงานอุตสาหกรรม
  • ระบบควบคุมการไหลในท่อส่งน้ำมัน ก๊าซ หรือสารเคมี
  • ระบบควบคุมการหมุนในเครื่องจักรต่างๆ

นอกจากการแบ่งตามลักษณะการเคลื่อนที่แล้ว ยังสามารถแบ่งตามระบบควบคุมได้อีกด้วย เช่น:

3. On-Off Electric Actuator

เป็นแอคชูเอเตอร์ที่ทำงานเพียงสองตำแหน่งคือเปิดเต็มที่หรือปิดสนิท เหมาะสำหรับระบบที่ไม่ต้องการการควบคุมปริมาณการไหล แต่เน้นเพียงการเปิด-ปิดเท่านั้น

4. Modulating Electric Actuator

เป็นแอคชูเอเตอร์ที่สามารถควบคุมตำแหน่งได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถควบคุมปริมาณการไหลได้อย่างแม่นยำตามความต้องการ โดยทั่วไปจะรับสัญญาณควบคุมแบบ 4-20 mA หรือ 0-10 V


หลักการทำงานของ Electric Actuator

หลักการทำงานพื้นฐานของแอคชูเอเตอร์ไฟฟ้าประกอบด้วยส่วนสำคัญดังนี้:

1. มอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Motor)

เป็นหัวใจสำคัญของแอคชูเอเตอร์ไฟฟ้า ทำหน้าที่แปลงพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกล โดยมอเตอร์ที่นิยมใช้ได้แก่:

  • มอเตอร์กระแสตรง (DC Motor) - ให้การควบคุมความเร็วและตำแหน่งได้ดี แต่ต้องการการบำรุงรักษาสูง
  • มอเตอร์กระแสสลับ (AC Motor) - มีความทนทานสูง ราคาถูกกว่า แต่การควบคุมซับซ้อนกว่า
  • มอเตอร์สเต็ปปิ้ง (Stepping Motor) - ให้การควบคุมตำแหน่งที่แม่นยำ เหมาะกับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง
  • มอเตอร์เซอร์โว (Servo Motor) - ให้การควบคุมที่รวดเร็วและแม่นยำ มักใช้ในระบบที่ต้องการการตอบสนองสูง

2. ระบบส่งกำลัง (Power Transmission System)

ทำหน้าที่ส่งกำลังจากมอเตอร์ไปยังกลไกขับเคลื่อนวาล์วหรืออุปกรณ์ โดยอาจเป็น:

  • ระบบเกียร์ (Gear System) - เพิ่มแรงบิดและลดความเร็วรอบ
  • ระบบสกรู (Screw System) - แปลงการหมุนเป็นการเคลื่อนที่เชิงเส้น
  • ระบบสายพาน (Belt System) - ใช้ในการส่งกำลังระยะไกล

3. ระบบควบคุม (Control System)

เป็นส่วนที่รับสัญญาณควบคุมจากภายนอกและควบคุมการทำงานของมอเตอร์ให้เป็นไปตามที่ต้องการ ประกอบด้วย:

  • วงจรอิเล็กทรอนิกส์ควบคุม
  • เซ็นเซอร์ตำแหน่ง (Position Sensor) เพื่อตรวจสอบตำแหน่งปัจจุบัน
  • ระบบป้องกันการทำงานเกินพิกัด (Overload Protection)
  • ระบบสื่อสาร เช่น HART, Modbus, Profibus สำหรับการเชื่อมต่อกับระบบควบคุมหลัก

สาธิตการเปิดและปิดของวาล์วติดแอคชูเอเตอร์ไฟฟ้า



ข้อดีของ Electric Actuator

แอคชูเอเตอร์ไฟฟ้ามีข้อดีหลายประการเมื่อเทียบกับแอคชูเอเตอร์ประเภทอื่น เช่น แอคชูเอเตอร์นิวเมติก (Pneumatic Actuator) หรือแอคชูเอเตอร์ไฮดรอลิก (Hydraulic Actuator) ดังนี้:

  1. ความแม่นยำสูง - สามารถควบคุมตำแหน่งได้อย่างแม่นยำถึง 1% หรือดีกว่า
  2. การตอบสนองรวดเร็ว - โดยเฉพาะรุ่นที่ใช้มอเตอร์เซอร์โว
  3. การบำรุงรักษาต่ำ - ไม่มีการรั่วไหลของของเหลวหรือลมเหมือนระบบไฮดรอลิกหรือนิวเมติก
  4. ประสิทธิภาพพลังงานสูง - ใช้พลังงานเฉพาะเมื่อมีการเปลี่ยนตำแหน่ง
  5. เสียงการทำงานต่ำ - เงียบกว่าระบบนิวเมติก
  6. ความปลอดภัยสูง - ลดความเสี่ยงจากการรั่วไหลของของเหลวหรือแรงดันลม
  7. ความสามารถในการทำงานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย - สามารถทำงานได้ในช่วงอุณหภูมิกว้าง
  8. การควบคุมระยะไกล - สามารถควบคุมผ่านระบบ SCADA หรือ DCS ได้ง่าย

ข้อจำกัดของ Electric Actuator

แม้จะมีข้อดีมากมาย แต่แอคชูเอเตอร์ไฟฟ้าก็มีข้อจำกัดบางประการ ได้แก่:

  1. ต้นทุนสูงกว่า - โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับแอคชูเอเตอร์นิวเมติก
  2. ความซับซ้อนสูงกว่า - ต้องการความเชี่ยวชาญในการติดตั้งและบำรุงรักษา
  3. ข้อจำกัดในพื้นที่อันตราย - ในบางกรณีอาจต้องใช้รุ่นพิเศษที่ได้รับการรับรองความปลอดภัยในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงการระเบิด
  4. อาจเกิดความเสียหายจากความชื้น - ต้องป้องกันความชื้นเพื่อป้องกันความเสียหายต่อระบบอิเล็กทรอนิกส์
  5. กำลังขับเคลื่อนจำกัด - สำหรับงานที่ต้องการแรงบิดสูงมากๆ อาจยังสู้ระบบไฮดรอลิกไม่ได้

การประยุกต์ใช้งาน Electric Actuator ในอุตสาหกรรม

แอคชูเอเตอร์ไฟฟ้าถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวางในหลายอุตสาหกรรม ได้แก่:

1. อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ

  • ควบคุมการเปิด-ปิดวาล์วในระบบท่อส่ง
  • ควบคุมการไหลในกระบวนการกลั่น
  • ระบบควบคุมความปลอดภัยในแท่นขุดเจาะ

2. อุตสาหกรรมการผลิตพลังงาน

  • ควบคุมการไหลของไอน้ำในโรงไฟฟ้า
  • ระบบควบคุมในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
  • ระบบควบคุมในโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน

3. อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม

  • ควบคุมการผสมวัตถุดิบ
  • ควบคุมอุณหภูมิและความดันในกระบวนการผลิต
  • ระบบทำความสะอาดอัตโนมัติ (CIP - Clean In Place)

4. อุตสาหกรรมเคมี

  • ควบคุมการไหลของสารเคมีอันตราย
  • ระบบควบคุมในกระบวนการผลิตที่ต้องการความแม่นยำสูง
  • ระบบความปลอดภัยในโรงงานเคมี

5. ระบบบำบัดน้ำและน้ำเสีย

  • ควบคุมการไหลในระบบกรองและบำบัด
  • ควบคุมการจ่ายสารเคมีในกระบวนการบำบัด
  • ระบบควบคุมการไหลในท่อประปา

การเลือก Electric Actuator ให้เหมาะสมกับงาน

การเลือกแอคชูเอเตอร์ไฟฟ้าที่เหมาะสมต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้:

  1. แรงบิดหรือแรงดัน - ต้องเพียงพอต่อการขับเคลื่อนวาล์วหรืออุปกรณ์
  2. ความเร็วในการทำงาน - พิจารณาเวลาที่ต้องการในการเปิด-ปิดวาล์วสมบูรณ์
  3. ความแม่นยำที่ต้องการ - สำหรับงานควบคุมการไหลอย่างละเอียด
  4. สภาพแวดล้อมการทำงาน - อุณหภูมิ ความชื้น การสั่นสะเทือน และมลภาวะต่างๆ
  5. แหล่งจ่ายไฟฟ้า - แรงดันไฟฟ้าและความถี่ที่มีในพื้นที่ติดตั้ง
  6. การสื่อสารและการควบคุม - โปรโตคอลที่ใช้ในระบบควบคุมหลัก
  7. มาตรฐานความปลอดภัย - โดยเฉพาะในพื้นที่อันตรายหรือมีความเสี่ยงการระเบิด
  8. งบประมาณ - ทั้งค่าติดตั้งและค่าบำรุงรักษาในระยะยาว

การบำรุงรักษา Electric Actuator

แม้แอคชูเอเตอร์ไฟฟ้าจะต้องการการบำรุงรักษาน้อยกว่าระบบอื่น แต่การบำรุงรักษาเชิงป้องกันยังคงมีความสำคัญ ดังนี้:

  1. การตรวจสอบตามกำหนดเวลา - ควรมีการตรวจสอบการทำงานและความผิดปกติเป็นประจำ
  2. การหล่อลื่น - ระบบเกียร์และชิ้นส่วนเคลื่อนที่ต้องได้รับการหล่อลื่นตามกำหนด
  3. การตรวจสอบการรั่วไหล - ตรวจสอบซีลและปะเก็นเพื่อป้องกันการรั่วซึมของน้ำหรือความชื้น
  4. การตรวจสอบการเชื่อมต่อทางไฟฟ้า - ตรวจสอบขั้วต่อและสายไฟเพื่อป้องกันการหลวมหรือการกัดกร่อน
  5. การสอบเทียบ - สำหรับระบบที่ต้องการความแม่นยำสูง ควรมีการสอบเทียบเป็นประจำ

สรุป

แอคชูเอเตอร์ไฟฟ้า หรือ Electric actuator เป็นอุปกรณ์ในหมวดคอนโทรลวาล์วสำคัญในระบบอุตสาหกรรมสมัยใหม่ที่ช่วยให้การควบคุมกระบวนการทำได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ ด้วยข้อดีในด้านความแม่นยำ ความเสถียร และการบำรุงรักษาต่ำ ทำให้มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในหลากหลายอุตสาหกรรม การเลือกแอคชูเอเตอร์ไฟฟ้าที่เหมาะสมและการบำรุงรักษาอย่างถูกต้องจะช่วยให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มความปลอดภัยในกระบวนการผลิต

Tags