Skip to Content

กฎข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน 5.0 ปี 2025 
Policy 5.0 @2025

บริษัท ปาโก้ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด

เริ่มประกาศใช้
วันที่ 1 มกราคม 2568

1. เกี่ยวกับบริษัท

1.1 คำนิยามและคำจำกัดความ

  • “บริษัท” ,องค์กร , ผู้ว่าจ้าง" , "นายจ้าง"   หมายถึง บริษัท ปาโก้ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด 
  • "นโยบาย” หมายถึง  แนวทางในการปฏิบัติงานที่ใช้ภายในบริษัท ปาโก้ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัดรวมถึงนโยบายที่ใช้กับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นภายนอกบริษัท 
  • "พนักงาน” หมายถึง บุคคลธรรมดาที่บริษัท ปาโก้ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด  ได้ว่าจ้างเพื่อให้ทำงานโดยให้ผลประโยชน์ตอบแทนทั้งที่เป็นเงินหรือทรัพย์สินอื่นกับการทำงานนั้นโดยมีรอบการจ่ายค่าตอบแทนเป็นรายเดือน 
  • "พนักงานรายวัน” หมายถึง บุคคลธรรมดาทั่วไปที่บริษัท ปาโก้ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ได้ตกลงว่าจ้างทำงานโดยได้รับค่าจ้างเป็นรายวัน ตามวันที่มาทำงานซึ่งมีสิทธิได้รับค่าจ้างในวันหยุดตามประเพณี วันหยุดพักผ่อนประจำปี และวันลาป่วยตามที่กฎหมายกำหนด 
  • “ผู้บังคับบัญชา” หมายถึง พนักงานที่ได้รับแต่งตั้งจากบริษัท ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้างานส่วนใดส่วนหนึ่ง ทั้งในด้านกาปฏิบัติงานและการควบคุมการดำเนินงานให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับของบริษัท 
  • “ผู้มีอำนาจ” หมายถึง พนักงานที่ได้รับแต่งตั้งจากบริษัท ให้มีอำนาจในการดำเนินการใด ๆ ของบริษัท โดยมีหนังสือแต่งตั้ง หรือตามตำแหน่ง 
  • “กฏหมาย” หมายถึง กฎหมาย ข้อตกลงสากล พระราชบัญญัติ พระราชกำหนด กฎระเบียบ กฎกระทรวง ประกาศคำสั่งอธิบดี ข้อปฏิบัติต่าง ๆ จากทางรัฐภายใต้ประเทศที่บริษัทได้ประกอบการอยู่ 
  • “กฎข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน , ระเบียบการ” หมายถึง ข้อปฏิบัติที่เป็นข้อบังคับซึ่งกำหนดขึ้นไว้เป็นระเบียบในการปฏิบัติหรือดำเนินการตามกฎหมาย  หากผู้ใดฝ่าฝืนกฎข้อบังคับบริษัทมีสิทธิใช้อำนาจการพิจารณาถือเป็นการกระทำความผิดได้ 
  • “ข้อตกลงร่วมกัน” หมายถึง ข้อปฏิบัติที่ได้มีการประชุมและได้ข้อสรุปเป็นข้อตกลงร่วมกันในการทำงาน หากผู้ใดไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงที่ได้ตกลงไว้ พนักงานทุกคนมีสิทธิที่จะใช้ข้อตกลงมาพิจารณาเพื่อเป็นความผิด 
    • การผิดข้อตกลงร่วมกันไม่สามารถออกใบเตือนได้ เพราะไม่ได้ถือเป็นความผิดทางวินัยสามารถตักเตือนได้ทางวาจาหรือบำเพ็ญประโยชน์เท่านั้น 
  • “สิทธิ , สิทธิ์” หมายถึง  หลักเสรีภาพหรือการให้สิทธิทางกฎหมาย สังคมหรือจริยศาสตร์ กฎเชิงบรรทัดฐาน ขนบธรรมเนียมทางสังคม 

1.2 ข้อมูลบริษัท

  • ชื่อองค์กร : บริษัท ปาโก้ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด 
  • สถานที่ตั้ง : 52/229 ซอยเพชรเกษม 69 ถนนเพชรเกษม แขวงหนองแขม เขตหนองแขม กทม. 10160 
  • เลขประจำตัวผู้เสียภาษี : 0105559104263 สำนักงานใหญ่ 
  • เบอร์โทร : 02-028-6074-76
  • เว็บไซต์ : www.pako.co.th , www.pakoengineering.com 
    อีเมล : info@pako.co.th 
  • ประเภทธุรกิจ : นำเข้าและจำหน่ายเครื่องมือวัดการไหล ความดัน อุณหภูมิในโรงงานอุตสาหกรรม รวมทั้งอุปกรณ์บังคับการไหล ส่วนควบ ส่วนประกอบ 
  • โลโก้ปัจจุบัน 

1.3 ประวัติความเป็นมา การเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการที่สำคัญ

  • จดทะเบียนการค้ากับสำนักงานเขตในนาม “ปาโก้” 
  • จดทะเบียนการค้ากับสำนักงานเขตในนาม “ปาโก้ กระทำการโดย นายทนงศักดิ์ ชัยวโร” 
  • จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในนาม “นายทนงศักดิ์ ชัยวโร” ด้วยทุนจดทะเบียน 50,000 บาท 
  • จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในนาม “ปาโก้” ด้วยทุนจดทะเบียน 50,000 บาท 19 มิ.ย. 2555 
  • จดทะเบียนการค้าก่อตั้ง “หจก. ปาโก้ เอ็นจิเนียริ่ง” ด้วยทุนจดทะเบียน 50,000 บาท 
  • จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมกับเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1,000,000 บาท และต่อมาได้มีการเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 4,000,000 บาท  
  • วันที่ 16 ก.ค. 2559 ได้มีการแปรสภาพจาก ห้างหุ้นส่วนจำกัด ปาโก้ เอ็นจิเนียริ่ง เป็น บริษัท ปาโก้ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 5,000,000 บาท


​1.4 สัยทัศน์ & พันธกิจ (VISION & MISSION)

  • วิสัยทัศน์ต่อลูกค้า
    • เป็นผู้จัดหาสินค้าทางอุตสาหกรรมที่ดีที่สุดต่อคู่ค้า เป็นที่นึกถึงลำดับแรกในใจลูกค้า โดยการให้บริการ ให้ คำปรึกษาด้านสินค้าอุตสาหกรรม โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญระดับมืออาชีพ 
  • พันธกิจต่อลูกค้า
    • เราเป็นผู้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้าด้วยความซื่อตรงเราเป็นผู้พัฒนาสินค้าและการบริการอย่างต่อเนื่อง 

 

1.5 ค่านิยมองค์กร 

เราเชื่อว่าค่านิยมองค์กรที่มีร่วมกันจะเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญ ที่สร้างให้บุคลากรและองค์กรสามารถพัฒนา เติบโตก้าวหน้าอย่างยั่งยืนต่อไป โดยมีตัวย่อว่า “RADIUS” ดังนี้ 

  • Respects –  เคารพในสิทธิและหน้าที่ของตนเอง ผู้อื่น องค์กร และสังคม บุคลากรของบริษัทฯ ต้องมี ความเคารพในสิทธิและหน้าที่ทั้งของตนเอง ผู้อื่น องค์กร และสังคม การเคารพซึ่งกันและกันทำให้เราสามารถสร้างความไว้วางใจและพึ่งพาได้ รวมทั้งมีความเป็นมืออาชีพในการทำงาปฏิบัติตามระเบียบวินัยขององค์กรอย่างเคร่งครัด 
  • Appreciate – กตัญญูกตเวที น่าเชื่อถือ ไว้วางใจได้ บุคลากรของบริษัทฯ ต้องมีความกตัญญูกตเวที รู้จักบุญคุณ  และตอบแทน เป็นคนซื่อสัตย์ ทั้งในระดับครอบครัว สังคม และประเทศชาติ สิ่งนี้จะเป็นแรงผลักดันให้บุคลากรของเราทำงานอย่างเห็นคุณค่าของบุคคลอื่นทั้งเพื่อนร่วมงาน หัวหน้าและลูกค้าบริษัทฯ เราเชื่อว่าบนความไว้วางใจระหว่างคู่ค้าที่เพิ่มขึ้น จะทำให้เราสามารถลดต้นทุนแฝงได้ เช่น การตรวจสอบ การตรวจรับ การป้องกันการทุจริต ดังนั้นถ้าเราสามารถไว้วางใจซึ่งกันและกันได้ จะทำให้ต้นทุนลดลงและเกิดความง่าย สะดวกในการติดต่อทำธุรกิจ
  • Diligence – มีความขยันอุตสาหะ ไม่ย่อท้อ ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก การทำงานทุกอย่างย่อมมีอุปสรรค บุคลากรของ บริษัทฯ จะต้องมีความไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก นั่นคือมีความแข็งแกร่งในตนเอง ขยันขันแข็ง มีความพากเพียรและมีวินัย 
  • Innovation – พัฒนาและเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์  ทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยวิธีใหม่ ๆ ที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ใช้นวัตกรรมอย่างสร้างสรรค์เพื่อแก้ไขปัญหา ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเกิดความพอใจ ซึ่งการจะแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์ได้นั้นจำเป็นต้องสั่งสมความรู้ ประสบการณ์ มีความกล้าที่จะคิดแก้ไขปัญหานอกกรอบ 
  • Unity – เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน สามัคคี มีจุดมุ่งหมายร่วมกันและเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสังคม              
  • Sharing – แบ่งปันสิ่งดี ๆ ซึ่งกันและกันมีน้ำใจ แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ พร้อมเปิดใจรับฟังความคิดเห็น ของผู้อื่น เปิดรับโอกาสใหม่ ๆ ที่เข้ามา มุ่งรับใช้ ตอบแทนสิ่งดี ๆ สู่สังคม และประเทศชาติ

 

2. นโยบาย

2.1 นิยามของคำว่า “นโยบาย”

    นโยบาย มีด้วยกัน 3 ขั้นคือ

  • นโยบายหลักบริษัท

​หมายถึง แนวทางในการปฏิบัติงานเพื่อให้เกิดการกระทำที่ถูกต้อง ภายใต้อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบอย่างเหมาะสม อีกทั้งนโยบายที่กำหนดขึ้นเป็นการกระทำในนามของบริษัทมิใช่ในฐานะส่วนตัว เป็นการประกาศใช้อย่างถาวรการประกาศใช้จะต้องประกาศให้พนักงานทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 90 วัน และจะมีผลบังคับใช้ก็ต่อเมื่อผู้มีอำนาจลงนามทั้งหมดได้ลงนามเป็นลายลักษณ์อักษรและระบุวันที่ประกาศใช้อย่างชัดเจนเท่านั้น  

  • นโยบายเสริม  

​หมายถึง  แนวทางในการปฏิบัติงานเพื่อให้เกิดการกระทำที่ถูกต้อง ภายใต้อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบอย่างเหมาะสม อีกทั้งนโยบายที่กำหนดขึ้นเป็นการกระทำในนามของบริษัทมิใช่ในฐานะส่วนตัว เป็นแนวทางปฏิบัติเสริมให้เกิดประโยชน์สูงสุดให้แก่บริษัท เป็นการประกาศใช้ในช่วงระยะเวลาหนึ่งจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง การประกาศใช้จะต้องประกาศให้พนักงานทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 30-90 วัน และจะต้องมีเนื้อหาไม่ทับซ้อนและไม่ขัดกับนโยบายหลักของบริษัทที่มีอยู่เดิมมีผลบังคับใช้ก็ต่อเมื่อผู้มีอำนาจลงนามทั้งหมดได้ลงนามเป็นลายลักษณ์อักษรและระบุวันที่ประกาศใช้อย่างชัดเจนเท่านั้น

  • นโยบายเพิ่มเติมฉุกเฉิน 

​หมายถึง  แนวทางในการปฏิบัติงานเพื่อให้เกิดการกระทำที่ถูกต้องภายใต้อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบอย่างเหมาะสม อีกทั้งนโยบายที่กำหนดขึ้นเป็นการกระทำในนามของบริษัทมิใช่ในฐานะส่วนตัว เป็นแนวทางปฏิบัติแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อให้บริษัทสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ โดยเป็นนโยบายเพื่ิอใช้ในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่งเท่านั้น การประกาศใช้จะต้องประกาศให้พนักทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วันและอาจจะมีเนื้อหาทับซ้อนหรือขัดกับนโยบายหลักบริษัทที่มีอยู่เดิมได้ และมีผลบังคับใช้ก็ต่อเมื่อผู้มีอำนาจลงนามทั้งหมดได้ลงนามเป็นลายลักษณ์อักษรและระบุวันที่ประกาศใช้และช่วงระยะเวลาการใช้อย่างชัดเจนเท่านั้น


2.2 นโยบายหลัก - บริษัท ปาโก้ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด

  • ให้พนักงานทุกคนปฏิบัติตามกฏระเบียบ กฏหมายจากภาครัฐ 
  • ให้พนักงานทุกคนต้องตระหนักถึง วิสัยทัศน์ และพันธกิจขององค์กร 
  • ให้พนักงานทุกคนต้องยึดหลักในการปฏิบัติและพัฒนาตามค่านิยมขององค์กร 
  • ให้พนักงานทุกคนรับทราบและปฏิบัติ กฎข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน , คู่มือและขั้นตอนปฏิบัติงานอย่างเคร่งครัด 

3. กฎข้อบังคับเกี่ยวกับการว่าจ้างและเลิกจ้าง


3.1 คุณสมบัติการสมัครเข้าเป็นพนักงาน

  • มีสัญชาติไทย 
  • มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี 
  • ไม่เป็นบุคคลล้มละลายในสายงานที่เกี่ยวข้องกับการเงิน 
  • ไม่เป็นผู้มีร่างกายทุพพลภาพจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ไร้ความสามารถหรือจิตฟั่นเฟือน 
  • ไม่สมประกอบ หรือเป็นโรคติดต่อร้ายแรง หรือเสพสิ่งเสพติดให้โทษร้ายแรง 
  • ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรรมการพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมือง 
  • ไม่เป็นผู้เคยต้องรับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกเพราะกระทำความผิดทางอาญา เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
  • ไม่เป็นผู้เคยถูกลงโทษให้ออก หรือไล่ออกจากราชการ รัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่น
  • ผู้สมัครต้องยินยอมให้ตรวจข้อมูลตามเอกสาร 

3.2 การค้ำประกัน และคุณสมบัติของผู้ค้ำประกัน

​ทางบริษัทให้มีการค้ำประกันทรัพย์สินภายใน โดยมีเงื่อนไขการค้ำประกัน ดังนี้ 

  • ผู้ค้ำประกันต้องเป็นข้าราชการ (ไม่จำกัดระดับตำแหน่ง) ณ ปัจจุบัน 
  • ผู้ค้ำประกันต้องเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจหรือพนักงานเอกชน ที่มีฐานเงินเดือนไม่น้อยกว่า 15,000 และมีอายุการทำงานไม่ต่ำกว่า 2 ปี และผู้ค้ำประกันจะต้องไม่ได้เป็นพนักงานของบริษัท 
  • เป็นเจ้าของกิจการ  

​เอกสารการค้ำประกัน 

    • สัญญาค้ำประกัน (ลงนามโดยผู้ค้ำฯ) จำนวน 2 ชุด (ทางบริษัทฯ เป็นผู้จัดเตรียมให้) 

FORM-HR-023 หนังสือสัญญาค้ำประกัน 

    • สำเนาบัตรข้าราชการ / สำเนาบัตรประชาชนผู้ค้ำฯจำนวน 1 ชุด 
    • สำเนาทะเบียนบ้านผู้ค้ำฯ จำนวน 1 ชุด 
    • หนังสือรับรองเงินเดือน หรือ สลิปเงินเดือนผู้ค้ำฯ จำนวน 1 ชุด (เอกสารออกให้ไม่เกิน 1 เดือน) 
    • รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน (กรณีเป็นเจ้าของกิจการที่ไม่ได้จดทะเบียนการค้า) 
    • หนังสือรับรองจดทะเบียนนิติบุคคล (กรณีเป็นเจ้าของกิจการ) 

3.3 หลักประกันในการทำงาน

  • ​เฉพาะอาชีพที่เกี่ยวข้องกับเงินหรือทรัพย์สิน สามารถเรียกเก็บเงินประกันได้วงเงินไม่เกิน 60 เท่าของอัตราค่าจ้างรายวัน หลักเกณฑ์และวิธีการเรียกเก็บหรือรับหลักประกันการทำงาน หรือหลักประกันความเสียหายในการทำงานจากลูกจ้าง พ.ศ. 2551 ได้ระบุลักษณะหรือสภาพของงานที่นายจ้างจะเรียกเก็บหรือรับหลักประกันการทำงานหรือหลักประกันความเสียหายในการทำงานจากลูกจ้างได้แก่  
    • งานสมุห์บัญชี 
    • งานพนักงานเก็บหรือจ่ายเงิน 
    • งานควบคุมหรือรับผิดชอบเกี่ยวกับวัตถุมีค่า คือ เพชร พลอย เงิน ทองคำ ทองคำขาว และไข่มุก 
    • งานเฝ้าหรือดูแลสถานที่หรือทรัพย์สินของนายจ้างที่อยู่ในความรับผิดชอบของนายจ้าง  
    • งานติดตามหรือเร่งรัดหนี้สิน  
    • งานควบคุมหรือรับผิดชอบยานพาหนะ 
    • งานที่มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการคลังสินค้า ซื้อขาย แลกเปลี่ยน ให้เช่าทรัพย์ให้เช่าซื้อ ให้กู้ยืม รับฝากทรัพย์ รับจำนอง รับจำนำ รับประกันภัย รับโอนหรือรับจัดส่งเงิน หรือการธนาคาร ทั้งนี้เฉพาะลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ควบคุมเงินหรือทรัพย์สินเพื่อการที่ว่านั้น 
    • เจ้าหน้าที่บัญชี 
    • เจ้าหน้าที่ส่งสินค้า 
    • เจ้าหน้าที่คลังสินค้า
  • วิธีการเรียกเก็บเงินประกัน 
    • วางเงินเต็มจำนวน ก่อนวันเริ่มทำงานวันแรก 
    • หักผ่านเงินเดือน เริ่มเก็บ ณ วันที่ได้รับค่าจ้างเดือนแรก  
    • ระดับพนักงานปฏิบัติการ 500 บาท / เดือน x 10 เดือน รวมเป็นเงิน 5,000 บาท 
    • ระดับหัวหน้างานขึ้นไป 1,000 บาท / เดือน x 10 เดือน รวมเป็นเงิน 10,000 บาท 

​FORM-HR-026 แบบฟอร์มหนังสือยินยอมเก็บเงินประกันโดยหักผ่านเงินเดือน  


3.4 การแต่งตั้ง

  • ​การว่าจ้างงานใด ๆ ของบริษัทต่อบุคคลธรรมดาจะมีผลบังคับใช้ต่อเมื่อผู้สมัครได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีคุณสมบัติ สามารถปฏิบัติงานได้และไม่มีปัญหาทางการแพทย์สำหรับการว่าจ้างงานและได้รับจดหมายการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากบริษัทรวมถึงได้ลงลายมือชื่อยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร  และปิดประกาศอย่างน้อย 30 วัน   

​FORM-HR-022 ตัวอย่างแบบฟอร์มหนังสือแต่งตั้ง 


3.5 สัญญาจ้าง

  • ประเภทของสัญญาจ้าง 
    • สัญญาจ้างทดลองงาน 
    • สัญญาจ้างพนักงานประจำ 
    • สัญญาจ้างพนักงานแบบกำหนดระยะเวลา 
    • สัญญา Contact เป็นเฉพาะงานหรือตามวัตถุประสงค์ 
      • บริษัทไม่ต้องทำประกันสังคม และไม่ได้สิทธิพนักงาน หรือได้สิทธิตามที่ระบุไว้ในสัญญาเท่านั้น (ใช้สัญญาตัวเดียวกับสัญญาจ้างพนักงานแบบกำหนดระยะเวลา)  
    • สัญญา Contact รายบุคคล  
      • พนักงานได้รับสิทธิประกันสังคมและสิทธิตามที่ระบุในสัญญาจ้าง (ใช้สัญญาตัวเดียวกับสัญญาจ้างพนักงานแบบกำหนดระยะเวลา) 

​ FORM-HR-002 สัญญาจ้าง 

    • สัญญาจ้างระหว่างนิติบุคคล 
      • ทางบริษัทข้างนอกหรือ Outsouce  จะเป็นผู้ร่างสัญญาจ้างดังกล่าว แต่เราสามารถแก้ไขสัญญาจ้างได้หากวัตถุประสงค์ไม่เป็นไปตามที่กำหนด 
    • สัญญาจ้างนักศึกษาฝึกงาน  
      • นักศึกษาฝึกงานจะไม่ได้ใช้สัญญาจ้างงาน แต่จะเป็นรูปแบบหนังสือตอบรับการฝึกงานโดยทางมหาวิทยาลัยจะเป็นผู้ส่งมาให้ทางบริษัท เมื่อนักศึกษาผ่านการฝึกงาน บริษัทจะมีการออกหนังสือรับรองการฝึกงานให้แก่นักศึกษา 

​FORM-HR-027 ตัวอย่างแบบฟอร์มหนังสือรับรองการฝึกงาน


3.6 การทดลองงาน

​พนักงานทุกคนที่มีข้อผูกมัดสำหรับการว่าจ้างเข้าทำงานแบบประจำนั้นจะต้องเข้าสู่ระยะเวลาการทดลองงานซึ่งระบุไว้ในจดหมายแต่งตั้ง ระยะเวลาทดลองงานรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 119 วันตามปฏิทิน  

  • การประเมินการทดลองงาน 
    • ประเมินผลครั้งที่ 1 : อาจเรียกว่า เป็นการติดตามผลการว่าจ้างและบรรจุ (Placement Follow-Up) ซึ่งประเมินในช่วง 30 วันแรก และไม่เกิน45 วัน ในการทำงาน (หรืออาจทำก่อนหน้านั้นก็ได้) 
    • ประเมินผลครั้งที่ 2 : ประเมินเมื่อทำงานไม่เกิน 89 วัน จะได้มีเวลาพิจารณาอย่างถ้วนถี่ว่าจะให้บรรจุเป็นพนักงานประจำหรือพ้นสภาพจากการเป็นพนักงาน  
    • ในกรณีพนักงานมีความประพฤติไม่เหมาะสม ทางบริษัทอาจยุติการทดลองงานได้ตลอดระยะเวลา  
    • พนักงานที่ผ่านการทดลองงานจะได้รับสิทธิประกันสังคม ตามกฎหมาย
    • อัตราค่าจ้างคิดเป็นรายวัน สามารถใช้สิทธิในการลาได้ แต่ทางบริษัทจะไม่ทำการจ่ายค่าจ้างในวันที่ลา นั้นๆ โดยการลานั้นจะต้องเป็นกรณีฉุกเฉินหรือมีความจำเป็นเท่านั้นมิฉะนั้นถือว่าเป็นการขาดงาน 
    • การขาดงานเกิน 2 ครั้งในช่วงทดลองงาน ทางบริษัทขอสงวนสิทธิในการบอกเลิกจ้าง และสิ้นสุดสัญญาทดลองงานทันที  
    • การขาดงานติดต่อกัน 3  วันทางบริษัทขอสงวนสิทธิในการบอกเลิกจ้าง และสิ้นสุดสัญญาทดลองงานทันที 

3.7 นักศึกษาฝึกงาน

​บริษัทสนับสนุนให้นักศึกษาได้รับประสบการณ์การทำงานก่อนจบปีการศึกษา โดยมีระเบียบการดังนี้ 

    • ทางสถาบันการศึกษาจะเป็นผู้ส่งเอกสารขอฝึกงานมาทางบริษัท 
    • นักศึกษาจะต้องผ่านการสัมภาษณ์งานจากหัวหน้าฝ่าย ที่ต้องการเข้าฝึกงาน 
    • เมื่อผ่านการสัมภาษณ์ ทางสถาบันการศึกษาต้องมีใบตอบรับนักศึกษาฝึกงานเข้ามาให้ทางบริษัทเพื่อให้ทางบริษัทตอบรับนักศึกษาเข้าฝึกงาน โดยระบุวันเริ่มงาน และวันสิ้นสุดอย่างชัดเจน 
    • นักศึกษาฝึกงาน จะต้องปฏิบัติตามระเบียบบริษัท หากนักศึกษาไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ บริษัท สามารถยุติการฝึกงานได้ทันที 
    • เมื่อการฝึกงานสิ้นสุดบริษัทจะออกหนังสือรับรองการฝึกงานให้กับนักศึกษาและสถาบันการศึกษา 
    • เอกสารที่สถาบันการศึกษาต้องการเพิ่มเติม ทางบริษัทยินดีที่จะยื่นให้และต้องเป็นเอกสารที่บริษัทพิจารณาแล้วว่าเป็นเอกสารที่สมควรยื่นเพิ่มเติม 

3.8 ประเมินผลงานและการปฏิบัติงาน

  • ​​การประเมินผลงานและการปฏิบัติงานในแต่ละรอบมีผลต่อการปรับเปลี่ยนตำแหน่งหรือปรับเปลี่ยนค่าจ้างโดยไม่ต้องเปลี่ยนสัญญาจ้าง และต้องแจ้งให้พนักงานทราบซึ่งอาจจะทำให้มีผลประโยชน์ต่อพนักงานเพิ่มขึ้น เท่าเดิม หรือลดลงได้การประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานทั่วไป ให้กระทำในกรณีดังต่อไปนี้ 

การประเมินผลงานและการปฏิบัติงานประจำปี  

    • มีการประเมิน 2 ครั้งต่อปี คือเดือน ก.ค. และเดือน ม.ค. และจะไม่มีการประเมินรอบอื่นๆนอกเหนือจากนี้ 

​การประเมินผลงานและการปฏิบัติงานเพื่อต่อสัญญาจ้าง 

    • พนักงานท่านใดไม่ผ่านการประเมินผลการปฏิบัติงานติดต่อกัน 2 ครั้ง ให้ถือว่าสัญญาจ้างพนักงานผู้นั้นสิ้นสุดลง โดยให้แจ้งให้พนักงานทราบภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ประกาศผลการประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานผู้นั้น 
    • การประเมินผลงานจากผู้บังคัญบัญชาสามารถร้องเรียนได้หากไม่ได้รับความเป็นธรรมการประเมินผลงานให้ 
    • ผลประเมินของบริษัทถือเป็นที่สิ้นสุดไม่สามารถโต้แย้งใด ๆ หลังจากประกาศผลประเมิน
  • หลักการที่ใช้ในการประเมิน 
    • การประเมินบุคคลมีผลโดยตรงต่อการปรับขั้นในตำแหน่ง โดยใช้แบบประเมิน 5 ด้าน 
      ​แบบประเมินบุคคล 5 ด้าน                                 
    • ประเมินผลงานมีผลโดยตรงต่อการปรับขั้นในตำแหน่งการและการได้รับโบนัส
      ​แบบประเมิน KPI 
    • การใช้ OKRs ไม่สามารถนำมาประเมินผลได้ เป็นเพียงเครื่องมือในการจูงใจหรือตั้งเป้าหมายในการทำงานเท่านั้น
      บทความเรื่อง OKRs 

3.9 การเลื่อนตำแหน่ง

    • พนักงานทุกคนจะมีสิทธิในการเลื่อนตำแหน่งสำหรับตำแหน่งที่ว่างลงในบริษัท อย่างไรก็ตามบริษัทขอสงวนสิทธิในการตัดสินใจหาพนักงานเข้าทำงานในตำแหน่งที่ว่างลงนั้นจากผู้สมัครอื่นภายนอกบริษัท 
    • การเลื่อนตำแหน่งภายในนั้นจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจจากทางบริษัท 
    • การเลื่อนตำแหน่ง  ไม่สามารถเลื่อนได้ทันทีโดยเงื่อนไขเป็นไปตามระเบียบ 
    • แผนกบุคคลจะเป็นผู้ทำหนังสือแต่งตั้งและปิดประกาศ
      FORM-HR-021 ตัวอย่างแบบฟอร์มหนังสือโยกย้าย / เลือนตําแหน่งพนักงาน 

3.10 ปรับขึ้นเงินเดือน 

    • การขึ้นเงินเดือนประจำปีนั้นจะไม่ได้รับการอนุมัติอย่างอัตโนมัติแต่จะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ 
    • เป็นไปตามข้อปฏิบัติ ประเมินผลการปฏิบัติงาน
    • คำแนะนำในเรื่องของการจัดสรรเงินเดือนจากทางรัฐบาล 
    • สถานะทางการเงินของบริษัท 
    • ต้องไม่ถูกพักงานในรอบการทำงานที่ผ่านมา

3.11 โอนย้าย 

    • พนักงานทุกคนอาจจะต้องโอนย้ายงานภายใต้การตัดสินใจจากทางบริษัท
      FORM-HR-021 ตัวอย่างแบบฟอร์มหนังสือโยกย้าย / เลือนตําแหน่งพนักงาน 
    • พนักงานสามารถเสนอย้ายตำแหน่งเองได้ การพิจารณาต้องได้รับคำยินยอมจากผู้บังคับบัญชาเดิม  และผู้บังคับบัญชาใหม่  หรือตัวแทนผู้มีอำนาจของบริษัท แต่ผลการพิจารณาอยู่ที่บริษัทเป็นผู้ตัดสินใจ 
    • แผนกทรัพยากรบุคคลต้องทำหนังสือแต่งตั้งและปิดประกาศ 

3.12 การเกษียณอายุ

    • อายุของการเกษียณการทำงานโดยปกตินั้นจะอยู่ที่ 55 ปี การทำงานอาจจะได้รับการขยายระยะเวลาภายใต้การตัดสินใจจากทางบริษัทภายหลังจากที่มีอายุครบกำหนดดังกล่าว 
    • ในกรณีที่ไม่มีใบสูติบัตรนั้นวันเกิดที่แสดงในบัตรประจำตัวประชาชนจะถูกพิจารณาให้เป็นวันเกิดเพื่อวัตถุประสงค์ในการกำหนดวันเกษียณอายุ 
    • ในกรณีที่บัตรประจำตัวประชาชนระบุแต่เพียงปีที่เกิดนั้นให้ถือว่าวันที่ 31 ธันวาคมเป็นวันเกษียณอายุ 
    • กฎหมายคุ้มครองแรงงาน บัญญัติเกี่ยวกับการเกษียณอายุและการจ่ายค่าชดเชยเรื่องการเกษียณอายุการทำงาน ดังนี้ 
      • ลูกจ้างที่ทำงานมาครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปีได้ค่าชดเชย 30 วัน 
      • ลูกจ้างที่หากทำงานครบ 1 ปี แต่ไม่ครบ 3 ปี ได้ค่าชดเชย 90 วัน 
      • ลูกจ้างที่ทำงานครบ 3 ปี แต่ไม่ครบ 6  ปี  ได้รับเงินชดเชย 180 วัน  
      • ลูกจ้างที่ทำงานครบ 6 ปี แต่ไม่ครบ 10 ปี ได้รับเงินชดเชย 240 วัน  
      • ลูกจ้างที่ทำงานครบ 10 ปี แต่ไม่ครบ 20 ปี ได้รับเงินชดเชย 300 วัน  
      • ลูกจ้างที่ทำงานครบ 20 ปีขึ้นไป ได้รับเงินชดเชย 400 วัน 

ตัวอย่าง นาย ก  เกิดวันที่ 12  ตุลาคม 2508  เริ่มงาน 1 กันยายน 2549 เงินเดือน 15,000 บาท 
​นาย ก.จะได้รับ เงินเกษียณ (อายุงาน14 ปี )ในงวดเดือน ตุลาคม 2563  เป็นจำนวนเงิน  165,000 บาท 

วิธีการ

​เงินเกษียณ(อายุงาน14 ปี ได้รับ 300 วัน 15,000/30 =500*300 วัน) =150,000 บาท  
​​เงินเดือนประจำงวด ตุลาคม 2563 = 15,000 บาท
​นำเงินทั้งสองมารวมกัน 150,000 +15,000 = 165,000 บาท (การคำนวนยังไม่รวมการหักประกันสังคม และภาษี )                      


3.13 การแจ้งเท็จ

​ในช่วงเวลาใดๆหลังจากการแต่งตั้งพนักงานถูกพบว่าแสดงคำบอกกล่าวรายละเอียดหรือข้อมูลที่เกี่ยวกับงานที่เป็นเท็จนั้นถือเป็นการกระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรงบริษัทมีสิทธิไล่ออกได้ทันทีและไม่ได้รับค่าชดเชยผลตอบแทนตามกฎหมาย 


3.14 สิ้นสุดสัญญาจ้าง

​ประเภทของการสิ้นสุดสัญญาจ้าง 

    • ไม่ผ่านการทดลองงาน 
    • ครบกำหนดตามสัญญาจ้าง 
    • ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามระเบียบฉบับนี้ 
    • พนักงานเสียชีวิต 
    • ไล่ออกเนื่องมาจากความผิดจากการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง, การประพฤติผิดหรือการละเลยของพนักงาน 
    • ลาออก 
    • ให้ออกโดยไม่มีความผิด 
    • มีอ้างขอที่จะบอกเลิกสัญญาจ้าง เช่น ตกลงให้ประจำสำนักงานที่ กทม. แต่เมื่อปฏิบัติงานจริงให้ประจำที่ ต่างจังหวัด 
    • ปลดออก
    • การระบุของแพทย์ที่มีคุณสมบัติเกี่ยวกับความไม่สามารถปฏิบัติงานของพนักงานได้อันเนื่องมาจากเรื่องสุขภาพ               

​การจ่ายค่าชดเชยให้ออกโดยไม่มีความผิด 

​ใช้หลักการเดียวกับการการจ่ายค่าชดเชยเรื่องการเกษียณอายุการทำงาน  เพียงแต่ว่าจะต้องมีการบอกกล่าวล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วัน  หากไม่บอกกล่าวให้แก่ลูกจ้างทราบล่วงหน้าจะต้องจ่ายค่าบอกกล่าวเพิ่มเติมอีก 30 วัน 

ตัวอย่าง เช่นนาย ก  เริ่มงาน  1 กันยายน 2549 เงินเดือน 15,000 บาท เมื่อวันที่ 15  ตุลาคม 2563มีเอกสารแจ้งจ้างออก มีผลในวันที่ 30 ตุลาคม 2563 จะได้รับ เงินชดเชย (อายุงาน14 ปี ) ใน      งวดเดือน ตุลาคม 2563 
​เงินชดเชยจ้างออก(อายุงาน14 ปี ได้รับ 300 วัน 15,000/30 =500*300 วัน) =150,000 บาท
​เงินเดือนประจำงวด ตุลาคม 2563 = 15,000 บาท 
​เงินค่าบอกกล่าวล่วงหน้า 30 วัน(ได้รับ 30 วัน 15,000/30 =500*30 วัน)  = 15,000 บาท 
​150,000 +15,000+15000    = 180,000 บาท (การคำนวนยังไม่รวมการหักประกันสังคมและภาษี )                 

  • ข้อปฏิบัติของการเลิกจ้าง 
    • การแจ้งการเลิกจ้างงานนั้นจะต้องเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรลงลายมือชื่อและส่งให้กับหัวหน้างานของพนักงานนั้นโดยตรง 
    • เจ้าหน้าที่ทรัพยากรบุคคลจะรับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยของทรัพย์สินต่างๆของบริษัท (เครื่องคอมพิวเตอร์, อุปกรณ์, กุญแจและอื่นๆ) ในส่วนของพนักงาน 
    • เจ้าหน้าที่ทรัพยากรบุคคลจะรับผิดชอบในการทำให้แน่ใจว่าเช็คเงินเดือนเดือนสุดท้ายของพนักงานจะถูกจัดเตรียมและจะทำการสัมภาษณ์ก่อนออกจากงานระยะเวลาในการแจ้งล่วงหน้าสำหรับการเลิกจ้างงานของพนักงานจะระบุอยู่ในหนังสือแจ้งพ้นสภาพ
      FORM-HR-003 ใบลาออก

3.15 ส่งมอบงานก่อนสิ้นสุดสัญญาจ้าง

  • ​ก่อนพ้นสภาพการเป็นพนักงาน จะต้องมีการส่งมอบภาระงาน โดยระบุรายละเอียดของงานให้ชัดเจน ต้องสร้างแบบฟอร์ม ให้เป็นลักษณะเดียวกันของพนักงานแต่ละฝ่าย / ตำแหน่ง และบริษัทจะไม่รับสมัครพนักงานที่ไม่ส่งมอบงานกลับเข้ามาทำงานใหม่
    FORM-HR-029 แบบฟอร์มส่งมอบงานกรณีลาออก

3.16 บุคคลที่พ้นจากการเป็นพนักงานแล้ว

    • หากในการปฏิบัติงานของบุคคลนั้นในระหว่างที่เป็นพนักงานก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทให้บุคคลดังกล่าวต้องรับผิดชอบในความเสียหายดังกล่าวเว้นแต่ความเสียหายนั้นเกิดจากเหตุสุดวิสัย  ในการนี้บริษัทสามารถเรียกค่าเสียหายหรือเงินอื่นใดที่บุคคลนั้นเพื่อชำระค่าความเสียหายดังกล่าว 
    • พนักงานปัจจุบันต้องไม่ติดต่อเรื่องงานเพื่อหาข้อมูลที่สามารถหาเองได้ในปัจจุบัน 
    • หากมีความจำเป็นจริง ต้องให้มีหัวหน้างานรับทราบและต้องไม่เปิดเผยข้อมูลปัจจุบันของบริษัทหากพบว่าไม่เป็นไปตามข้อกำหนดให้ถือเป็นความผิดทางวินัย 
    • เมื่อพนักงานพ้นสภาพจากการเป็นพนักงานของบริษัทจะต้องไม่ประกอบธุรกิจ หรือประกอบกิจการประเภทเดียวกันอันเป็นการขัดผลประโยชน์ต่อบริษัท ภายในระยะเวลา 5 ปี หากละเมิดและตรวจพบบริษัทมีสิทธิดำเนินคดีเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายตามกฏหมายได้ 

3.17 การรับบุคคลที่เคยเป็นพนักงานกลับเขามาทำงานใหม่

    • ต้องไม่ทำผิดกฎข้อ  ส่งมอบงานก่อนสิ้นสุดสัญญาจ้าง
    • เริ่มนับอายุงานและสัญญาจ้างใหม่ 
    • ต้องไม่เคยถูกไล่ออกจากบริษัทภายในระยะเวลา 5 ปี 


4. กฎข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน

4.1 ข้อบังคับพนักงานทุกคน

  • ​พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 108 กำหนดให้นายจ้างที่มีลูกจ้างรวมกันตั้งแต่สิบคน ขึ้นไปจัดให้มีข้อบังคับเกี่ยวกับการทํางานเป็นภาษาไทย โดยเจตนารมณ์ของกฎหมายในการให้จัดทำข้อบังคับเกี่ยวกับการทํางานทำขึ้นก็เพื่อกำหนดสิทธิหน้าที่ระหว่างนายจ้างและลูกจ้างที่พึงปฏิบัติต่อกัน ให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการทำงานและเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการขัดแย้งซึ่งกันละกัน 
  • วินัยและการรักษาวินัย 

​พนักงานต้องปฏิบัติตามวินัยและรักษาวินัยดังต่อไปนี้ 

      • มีหน้าที่ต้องปฏิบัติงานตามที่กำหนดในระเบียบการนี้และตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญาจ้าง 
      • มีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาซึ่งสั่งในหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบการขององค์กร 
      • รักษานโยบาย กฎข้อบังคับ ข้อห้าม ตามที่บริษัทกำหนด 
      • ต้องดูแลรักษาทรัพย์สินบริษัทเสมือนหนึ่งทรัพย์สินของตน 
      • ต้องดูแลรักษาความสะอาดเสมือนหนึ่งเป็นสถานที่พักอาศัยของตน 
      • ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและขยันหมั่นเพียร              
      • ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจ สุขุมรอบคอบ และด้วยความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ  
      • ใช้เวลาในการทำงานทั้งหมดของตนให้เป็นประโยชน์ต่องานตามหน้าที่ 
      • ไม่ทำงานให้กับบุคคลหรือองค์กรอื่นใด อันอาจกระทบและก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทฯ ทั้งนี้ไม่ว่าจะได้รับค่าจ้างหรือผลประโยชน์ตอบแทนหรือไม่ 
      • ห้ามพนักงานปิดประกาศ นัดพบ ประชุม อภิปราย ภายในบริษัทฯ รวมทั้งจำหน่ายจ่ายแจกเอกสารภายในบริษัทฯ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากตัวแทนบริษัท 
      • ห้ามนำบุคคลภายนอกเข้ามาภายในบริเวณบริษัทโดยไม่ได้รับอนุญาต 
      • ห้ามละทิ้งหน้าที่,การงานและความรับผิดชอบต่อบริษัทเพื่อไปทำประโยชน์ส่วนตัว 
      • ไม่ทำการใดๆที่มีผลต่อการเสื่อมเสียของบริษัท เช่น การโพสต์ข้อความให้ร้ายบริษัทผ่าน Social Media
      • ไม่กระทำการใดๆ ที่แสดงถึงความบกพร่องในหน้าที่ และความรับผิดชอบในงานของท่าน 
      • ปฏิบัติตนอย่างสุภาพ อ่อนน้อม ในการประสานงาน และไม่กระทำการใดๆ ที่เป็นการขัดขืนคำสั่งของผู้บังคับบัญชา 
      • รักษาความลับและข้อมูลของบริษัทในทุกเรื่องอาทิ บัญชี ข้อมูลการแลกเปลี่ยนทางการค้า ความสัมพันธ์ของหน่วยธุรกิจและข้อมูลอื่นใดที่มีความสำคัญต่อบริษัทและลูกค้าของบริษัท 
      • ไม่มีการใช้สารเสพติดใดๆเว้นเฉพาะในกรณีที่มีคำสั่งแพทย์ให้ใช้สารเสพติดดังกล่าว การใช้หรือการแจกจ่ายสารเสพติดใดๆ ถือเป็นการกระทำที่ร้ายแรงที่สุดของระเบียบการปฏิบัติงานภายในบริษัท พนักงานดังกล่าวจะให้ออกจากการปฏิบัติหน้าที่ในทันที และดำเนินคดีตามกฎหมาย 
      • การครอบครองอย่างไม่มีใบอนุญาติหรือการเก็บรักษาทรัพย์สินของบริษัทอย่างไม่ได้รับการอนุญาติจะสามารถส่งผลให้พนักงานดังกล่าวออกจากการปฏิบัติหน้าที่ในทันที 
      • ไม่นำทรัพย์สินของบริษัทไปใช้ในทางผิดกฏหมาย ก่ออาชญากรรม หรือสร้างความไม่สงบให้แก่สังคม 
      • มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่เอาเปรียบเพื่อนร่วมงาน 

  • การละเมิดฝ่าฝืน 

​บริษัทจะพิจารณาการกระทำบางอย่างของพนักงานอย่างเคร่งครัด เนื่องจากการกระทำบางอย่างนี้ สามารถส่งผลเสียให้แก่บริษัท อาทิ ภาพลักษณ์ของบริษัท การสร้างความแตกแยกแก่พนักงาน และหรือเป็นผลเสียต่อผลประโยชน์ของพนักงาน การกระทำที่ผิดกฏหมายดังกล่าวนั้นทางบริษัทจะดำเนินการต่อไปอย่างเคร่งครัด การกระทำตามที่ระบุไว้ข้างล่างนี้เป็นตัวอย่างของการกระทำผิดซึ่งเป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้นโดยไม่ใช่รายละเอียดทั้งหมด 

    • การขโมยทรัพย์สินของบริษัทหรือพนักงานท่านอื่น ภายในพื้นที่ของบริษัท 
    • การทำร้ายร่างกายพนักงาน 
    • นำพาบุคคลภายนอกเข้ามาก่อความวุ่นวายภายในอาณาบริเวณบริษัท 
    • การทำทรัพย์สิน ข้าวของของบริษัทเสียหาย 
    • เปิดเผยข้อมูลสำคัญแก่ผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาต 
    • การให้ข้อมูลบิดเบือน หรือข้อมูลผิด เพื่อที่จะได้รับการจ้างงาน 
    • การหลอกลวงทางข้อมูลส่วนตัวแก่ทางบริษัท รวมไปถึงข้อมูลเท็จต่างๆ 
    • เมาสุราหรือสารเสพติดขณะชั่วโมงทำงาน หรือขับรถในขณะมึนเมา 
    • ฝ่าฝืนระเบียบของการรักษาความปลอดภัย และเป็นอันตรายต่อพนักงานหรือบุคคลอื่น 
    • ไม่เคารพ ไม่เชื่อฟัง หรือตั้งใจจะฝ่าฝืนกฏหมาย หรือคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา 
    • การขัดขวางการทำงาน หรือตั้งใจทำให้การทำงานช้าลง หรือมีอิทธิพลให้พนักงานท่านอื่นทำงานช้าลงหรือขัดขวางการทำงาน 
    • ครอบครองอาวุธที่เป็นอันตรายภายในพื้นที่ของบริษัท 
    • ตกอยู่ในคำสั่งของตำรวจและพิสูจน์แล้วว่ามีความผิดจริง 
    • เป็นผู้ต้องหาในข้อหาทางอาชญากรรม 
    • นอนหลับในขณะทำงาน 
    • ทำการพนันในขณะปฏิบัติงาน 
    • เสพหรือจำหน่ายสารเสพติดใด ๆ 
    • มีคำสั่งศาลอาญาในข้อหาใดๆ ที่ไม่ใช่คดีลหุโทษ 
    • การกระทำใดๆที่เป็นข้อห้าม หรือการกระทำที่ร้ายแรงซึ่งสามารถส่งผลเสียให้แก่ทางบริษัท 
    • หมิ่นสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ภายในบริษัท 

  • การแต่งกาย 
    • พนักงานที่ผ่านการทดลองแล้วจะได้รับชุดแบบฟอร์มท่านละ 2 ชุดปีปัจจุบัน 
    • พนักงานทุกคนจะต้องแต่งกายให้เหมาะสมกับการทำงานดังต่อไปนี้

​ชาย

​ที่สำนักงาน แต่งกายแบบเรียบร้อย – เหมาะสมกับความคาดหวังของลูกค้า
​ชุดแบบฟอร์มที่ทางบริษัทจัดหาให้ ทุกวันจันทร์ และพุธ
​ที่สถานที่ทำงานของลูกค้า กางเกงขายาว, เสื้อเชิ้ต, ควรใส่เสื้อนอกเวลาเข้าประชุมตามกฎระเบียบการเข้าสถานที่นั้นๆ  

หญิง

​ที่สำนักงาน แต่งกายแบบเรียบร้อย – เหมาะสมกับความคาดหวังของลูกค้า
​ชุดแบบฟอร์มที่ทางบริษัทจัดหาให้ ทุกวันจันทร์ และพุธ
​ที่สถานที่ทำงานของลูกค้า กางเกงขายาว, กระโปรง, เสื้อสำหรับผู้หญิง ควรใส่เสื้อนอกเวลาเข้าประชุมตามกฎระเบียบการเข้าสถานที่นั้นๆ 


  • วันและเวลาทำงาน

​วันและเวลาทำงานปกติ 

      • วันทำงานปกติ จันทร์ – ศุกร์ เวลา 8.00 – 12.00 น. และ 13.00 – 17.00 น. 
      • เวลาพักระหว่างวัน วันละ 1 ชั่วโมง เวลา 12.00 – 13.00 น. 
      • วันประชุมประจำเดือน 1 วัน  ในวันศุกร์สัปดาห์แรกของเดือน เวลา 18.00 - 19.00 น. ถ้าตรงกับวันหยุดให้เลื่อนเป็นวันศุกร์สัปดาห์ถัดไป 

ตารางประชุมประจำเดือน ปี

      • บริษัทสามารถจัดทำกำหนดเวลาการทำงาน ใหม่ที่แตกต่างกับที่กล่าวมานี้ได้หากมีความจำเป็นที่จะต้องกระทำเช่นนั้น  และในกรณีดังกล่าวบริษัทจะแจ้งให้พนักงานทราบล่วงหน้าถึงชั่วโมงการทำงานซึ่งจะต้องไม่เกินกว่าชั่วโมงทำงานตามปกติ โดยได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง 
      • วันหยุดประจำสัปดาห์  คือ วันเสาร์ และวันอาทิตย์ 
      • วันหยุดตามประเพณี 

​บริษัทกำหนดให้มีวันหยุดตามประเพณีปีหนึ่งไม่น้อยกว่า 13 วัน ทั้งนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงวันหยุดได้ตามความเหมาะสมในแต่ละปี โดยรวมวันแรงงานแห่งชาติด้วยและพนักงานจะได้รับค่าจ้างเท่ากับค่าจ้างในวันทำงาน ซึ่งบริษัทจะประกาศให้ทราบ ล่วงหน้าภายในเดือนธันวาคมของทุกปี ถ้าวันหยุดตามประเพณีตรงกับวันหยุดประจำสัปดาห์ให้หยุดชดเชยวันหยุดตามประเพณีวันนั้นไปหยุดในวันทำงานถัดไป 

      • วันหยุดพิเศษ บริษัทจะพิจารณาและประกาศให้พนักงานหยุดงานในวันหยุดพิเศษตามประกาศจากทางรัฐบาล

  •  การจ่ายเงินเดือน 

ทางบริษัทกระทำการจ่ายเงินเดือนทุกวันสิ้นสุดของทุกเดือน หากตรงกับวันเสาร์ – อาทิตย์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ให้เลื่อนเป็นวันก่อนหน้า และจะโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร ทหารไทย เท่านั้น


  • เกณฑ์ทำงานล่วงเวลาและทำงานในวันหยุด
    • ในกรณีที่มีงานเป็นลักษณะจำเป็นต้องทำติดต่อกัน ถ้าหยุดจะเสียหายแก่งาน หรือกรณีนั้นเป็นงานฉุกเฉินเร่งด่วน โดยจะหยุดเสียมิได้บริษัทมีสิทธิให้พนักงานคนหนึ่งคนใด หรือหลายคน ทำงานล่วงเวลาได้เท่าที่จำเป็น 
    • การทำงานล่วงเวลา  หรือการทำงานในวันหยุดของพนักงานทุกครั้งจะต้องได้รับอนุมัติจากผู้บังคับบัญชา และเมื่อผู้บังคับบัญชาได้พิจารณาอนุมัติพนักงานจึงจะสามารถทำงานล่วงเวลา หรือทำงานในวันหยุดได้ 

      FORM-HR-031 แบบฟอร์มหนังสือขออนุมัติทำงานล่วงเวลา


  • การบันทึกเวลาเข้างาน มาสาย และขาดงาน 

​ให้ดูหัวข้อ 4 (การมาสาย และการขาดงาน)


  • การขาดงานโดยไม่ได้รับการอนุญาติหรือเหตุอันสมควร 

​ให้ดูหัวข้อ 4(การมาสาย และการขาดงาน) 


  • การไม่อยู่ในที่ทำงาน 

​พนักงานทุกคนจะต้องไม่ออกจากสถานที่ทำงานโดยไม่เห็นจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นเพราะธุระส่วนตัวหรือธุระจากทางบริษัทก็ตาม โดยไม่ได้รับการอนุญาติจากผู้บังคับบัญชาโดยตรงหรือสูงกว่า 


  • การเบิกเงินค่าจ้างล่วงหน้า 
    • ไม่สามารถเบิกเงินเดือนล่วงหน้าทุกกรณี 
    • ไม่สามารถกู้เงินกับบริษัทและผ่อนชำระทุกกรณี  

  • การเบิกเงินที่สำรองจ่ายไปล่วงหน้า 
    • เงินสำรองจ่ายล่วงหน้า ที่สามารถเบิกเงินได้จากการซื้อสินค้าหรือบริการ 
      • สินค้า , อุปกรณ์ , วัสดุสิ้นเปลืองงานช่าง , ทรัพย์สินใดๆ ที่นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่บริษัท สามารถเบิกเงินสำรองล่วงหน้าได้ โดยกรอกแบบฟอร์มเบิกเงินสำรองจ่าย 
    • บริการ / การจ้างทำของ 
      • ค่าเดินทาง 
      • อากรต่างๆ 
      • ค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่เกิดจากการทำธุรกรรม 
      • ค่าบำรุงยานพาหนะของบริษัท 
      • ในการเบิกจะต้องแนบใบเสร็จทุกครั้ง หากไม่มีใบเสร็จรับเงิน ให้เขียนใบรับรองแทนใบเสร็จรับเงิน 
      • ในการเบิกจะต้องแนบใบเสร็จทุกครั้ง หากไม่มีใบเสร็จรับเงิน ให้เขียนใบรับรองแทนใบเสร็จรับเงิน 

​FORM-AC-033 ใบรับรองแทนใบเสร็จรับเงิน

      • ผู้เบิกเงินต้องเขียนแบบฟอร์มแล้วส่งให้ผู้บังคับบัญชาไม่เกิน 5 วันทำการหลังจากสำรองจ่ายไป 
      • กรณีฉุกเฉิน และเป็นทรัพย์สินของบริษัท ให้โทรแจ้งฝ่ายบัญชีสามารถเบิกได้ทันที 
      • กรณีสำรองจ่ายโดยไม่เขียนแบบฟอร์มบริษัทจะไม่ให้เบิกทุกกรณี 
      • เงินสำรองจ่ายที่นำเอกสารมาเบิกมีเงื่อนไขการได้รับเงินดังนี้ 
        • วันที่ 1-15 ของเดือนจะได้รับเงินในวันสิ้นเดือนของเดือนนั้นๆ 
        • วันที่ 16-สิ้นเดือน จะได้รับเงินในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป 

ตัวอย่าง

        • เจ้าหน้าที่ขายนำเอกสารมาเบิกเงินวันที่ 18 ส.ค.  จะได้รับเงินวันที่ 15 ก.ย.
        • เจ้าหน้าที่ขายนำเอกสารมาเบิกเงินวันที่ 10 ส.ค.  จะได้รับเงินวันที่ 31 ส.ค.

​FORM-AC-034 ตัวอย่างแบบฟอร์มขอเบิกเงินสำรองจ่าย  


  • การซื้อทรัพย์สินเพื่อใช้ในแผนก 

​การซื้อทรัพย์สินนั้นจะต้องตรวจสอบความจำเป็นในการใช้งาน และหากมีความจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากหัวหน้าแผนกจึงจะดำเนินการสั่งซื้อได้  

    • กรอกแบบฟอร์มการขอซื้อสั่งซื้อทรัพย์สิน` 

​วิธีการขอซื้อ สั่งซื้อ

    • ทรัพย์สินที่จะลงทะเบียนสินทรัพย์ต้องมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 3,000 บาท โดยจะประกอบไปด้วย 
      • อุปกรณ์สำนักงาน  
      • เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ 
      • เครื่องมือเครื่องใช้ เช่น โทรศัพท์มือถือ , เครื่องจักรกล , เครื่องใช้ไฟฟ้า 
      • ยานพาหนะ 
      • โปรแกรมสำเร็จรูป 
      • เฟอร์นิเจอร์ 
      • อุปกรณ์ส่วนควบสำนักงาน เช่น แอร์ , พัดลม , โคมไฟ 
      • การซื้อสินทรัพย์ทุกครั้งต้องได้รับใบกำกับภาษีและใบเสร็จรับเงินเต็มรูปแบบเท่านั้น 
      • สินค้ามือสอง ที่สามารถเบิกเงินและสั่งซื้อได้ต้องมีใบกำกับภาษีหรือใบเสร็จรับเงินเท่านั้น 

  • การสั่งซื้อและการเบิกวัสดุสิ้นเปลืองสำนักงาน 
    • พนักงานภายในบริษัท เบิกวัสดุสิ้นเปลืองจากคลังพัสดุต้องกรอกแบบฟอร์มเบิกและให้หัวหน้าอนุมัติก่อนเบิก สั่งวัสดุสิ้นเปลืองตามรอบการสั่งซื้อ 

​ตารางซื้อวัสดุสิ้นเปลือง

    • เป็นหน้าที่ของแผนกจัดซื้อสั่งซื้อ ทำ PO เหมือนการสั่งซื้อสินค้าปกติ 
    • Mouse พนักงานสามารถเบิกเงิน 200 บาท/ ปี ส่วนเกินให้พนักงานจ่ายเอง  

  • ผลประโยชน์ทับซ้อน 
    • ห้ามเข้าร่วมทำกิจกรรมใดๆ หรือเกี่ยวข้องกับธุรกิจภายนอกบริษัทใดๆ ที่อาจจะส่งผลต่อความขัดแย้งหรือผลประโยชน์ของบริษัทได้ 
    • ห้ามรับหรือให้สินบนกับพนักงานภายใน และบุคคลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน 
    • ห้ามทำงานเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวในเวลางาน 

  • การเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ 

​ห้ามพนักงานเปิดเผยข้อมูลใดๆของบริษัทให้แก่สาธารณะหรือมีการพูดคุยเกี่ยวกับข้อมูลของบริษัทในที่สาธารณะอาทิ นโยบาย การตัดสินใจ หรือลักษณะของงานใดๆที่บริษัทรับผิดชอบอยู่ “การเขียนข้อความ บ่น/ตัดพ้อ นายจ้าง ย่อมมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ในการบริหารของนายจ้าง ซึ่งมีความสำคัญต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการของลูกค้า การกระทำของลูกจ้างที่โพสต์บ่น/ตัดพ้อนายจ้างจึงเป็นการจงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 119 (2) และเป็นการกระทำประการอื่นอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้อง และสุจริต ตาม ป.พ.พ. มาตรา 583 นายจ้างเลิกจ้างได้ ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย และสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า”หากมีผู้กระทำตามในรูปแบบนี้ก็อาจจะไม่เป็นความผิดเสมอไป ซึ่งในแต่ละกรณีนั้นจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไปหรืออาจมีความผิดมากกว่าหนึ่งกรณี


  • การส่งข้อมูล , เอกสารสำคัญ ให้บุคคลภายนอก 
    • ห้ามมีการส่งเอกสารสำคัญให้แก่บุคคลภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้องโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยมีเอกสารดังต่อไปนี้ 
      • รายการเดินบัญชีธนาคารบริษัท , เช็คธนาคาร 
      • งบการเงินบริษัท 
      • รายชื่อลูกค้า  ,  รายชื่อผู้จำหน่าย 
      • รายการสินค้า 
      • ใบสั่งซื้อ 
      • ใบเสนอราคา 
      • สูตรการผลิต การประกอบ การผสม 
      • คู่มือบริษัท 
      • ข้อมูลส่วนตัวของพนักงาน 
      • ข้อมูลอื่นๆ ที่สามารถสร้างความเสียหายให้กับบริษัท 
    • การละเมิดฝ่าฝืนถือเป็นการกระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรงและเอกสารจะต้องถูกเซ็นโดยผู้มีอำนาจลงนามเท่านั้น 
    • เอกสารจะต้องถูกระบุจุดประสงค์ในการใช้งานเฉพาะเจาะจงและระบุวันที่กำกับเท่านั้น

  • การเก็บรักษาเอกสารบริษัท 
    • เอกสารสำคัญ 
      • พนักงงานต้องจัดเก็บเอกสารและดูแลรับผิดชอบ ไม่ให้เสียหายและไม่อนุญาตให้นำออกไปเผยแพร่ 
      • เอกสารบางส่วนที่เป็นความลับเฉพาะต้องไม่เผยแพร่ระหว่างแผนกเช่นกันทั้ง Paper และ file ควรจัดเก็บรักษาดูแลให้เป็นสัดส่วน 
      • เก็บรักษาทั้งต้นฉบับและสำเนา 
    • เอกสารทั่วไป 
      • ต้องจัดเก็บรักษาดูแลให้เป็นสัดส่วน  
      • เก็บรักษาทั้งต้นฉบับและสำเนา 

  • การเก็บรักษาไฟล์ 

​การจัดเก็บรักษาไฟล์ให้เก็บไว้ตามคู่มือและตั้งชื่อไฟล์ตามข้อกำหนดและนโยบาย 

​คู่มือการเก็บรักษาไฟล์


  • การทำลายเอกสารและลบไฟล์อย่างถาวร 

​ให้สำรองไฟล์งานเข้าระบบที่จัดไว้ให้นอกเหนือจากนั้นให้ถือว่าลบได้อย่างถาวรทั้งหมด หากไม่จัดเก็บเข้าระบบออนไลน์ของบริษัทถือว่าละเลยการปฎิบัติหน้าที่ 

    • รูปแบบการทำลายเอกสาร 
      • ทำลายเพื่อนำไปใช้ต่อ (Reuse) 
        • เอกสารที่สามารถในไปทำเป็นกระดาษ reuse ได้คือ 
          • สเปคสินค้า , เอกสารที่ไม่มีชื่อบริษัท , ชื่อลูกค้า-ผู้จำหน่าย 
          • เอกสารที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงาน 
        • ต้องขีดฆ่าหน้าที่ใช้แล้วด้วยปากกาหรือตราปั๊มยกเลิกเท่านั้น 
        • กระดาษ A4 ให้นำไปตัดเป็นกระดาษ A5 
      • ทำลายอย่างสิ้นเชิง 
        • ให้นำไปทำลายที่เครื่องย่อยกระดาษ (เครื่องทำลายเอกสาร) 
        • เผาทำลาย

  • สัตว์เลี้ยงในสถานประกอบการ

​ต้องได้รับการยินยอมจากพนักงานหรือผู้บริหารกรณีที่นำสัตว์เสี้ยงเข้ามาในสถานประกอบการและต้องจำกัดพื้นที่ให้อยู่ในบริษัทที่ทางบริษัทกำหนด


  • การเบิก-ยืมสินค้า 
    • ห้ามนำสินค้าออกจากบริษัทโดยไม่ได้รับอนุญาต  
    • ต้องมีการทำเบิกโดยเอกสารใบกำกับภาษี ใบเบิกสินค้า หรือใบยืมสินค้าเท่านั้น 
    • การเบิกสินค้าจะต้องเบิกกับกับแผนกคลังสินค้าเท่านั้น  

  • การสมัครบัญชีเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 
    • E-mail พนักงานทุกคนต้องสมัครอีเมลของตนเองเป็นบัญชีทางการในการทำงานรูปแบบดังนี้ name.surname@gmail.com 
    • WP , ODOO , Next Cloud , Login Windows แผนกไอทีจะเป็นผู้สมัครให้ หลังจากที่ได้รับรหัสให้ดำเนินการเปลี่ยนทันที 
    • รหัสทุกอย่างต้องสมัครให้เสร็จภายใน 7 วันหลังจากมาทำงาน

5. กฎข้อบังคับแยกตามแผนก

5.1 กฎข้อบังคับแผนกขาย 

  •  รายงานประจำเดือน 
    • พนักงงานขายทุกคนต้องส่งรายงานประจำเดือนให้กับผู้จัดการฝ่ายในระยะเวลาที่กำหนด 
    • ให้ปฏิบัติตามคู่มือและขั้นตอนปฏิบัติงานฝ่ายขาย
  • รายงานประจำปี
  • อำนาจการตัดสินใจ 
    • พนักงานขายต้องขายสินค้าไม่ต่ำกว่าราคาขายที่บางบริษัทกำหนดไว้ 
    • ให้ปฏิบัติตามคู่มือและขั้นตอนปฏิบัติงานฝ่ายขาย
  • ดำเนินงานตามหน้าที่
    • ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของเจ้าของสถานประกอบกิจการ หรือผลิตภัณฑ์ โดยส่งเสริมการขายเพื่อให้สินค้ากระจายไปสู่ผู้บริโภคได้มากขึ้นอย่างทั่วถึง และช่วยประสานงานการส่งเสริมการตลาดให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายขององค์กรที่ตั้งไว้ 
    • ติดต่อลูกค้าเพื่อทำการขายการเจรจาสื่อสารระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อหรือกลุ่มผู้ที่คาดหวังว่าจะเป็นลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้ผู้ซื้อรู้จักสินค้ากระตุ้นความสนใจ และสร้างความพอใจในตัวสินค้า 
    • เจรจาเรื่องเงื่อนไขการซื้อขาย และให้คำปรึกษาแก่ลูกค้ารวมทั้งแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นก่อนการขายและหลังการขาย 
    • ให้บริการหลังการขายแก่ลูกค้า เช่นการตรวจสอบผลิตภัณฑ์หลังการซื้อสินค้า หรือเปลี่ยนชิ้นส่วนที่ชำรุดให้แก่ลูกค้า เป็นต้น 
    • เจ้าหน้าที่ขายต้องสามารถทำงาน ณ. สถานที่ขายสินค้าซึ่งกำหนดไว้ เช่น การออกบูธ งานแสดงสินค้าต่างๆ  ตามสถานที่บริษัทจัดเตรียมไว้ 
    • ติดตามการชำระเงินจากลูกค้า 
    • ปฏิบัติตามคู่มือและขั้นตอนปฏิบัติงานฝ่ายขาย
  • ค่านายหน้า
    • อัตราการจ่ายค่านายหน้าเป็นไปตามตารางค่าคอมมิชชั่น 

​ตารางค่าคอมมิชชั่น

    • การจ่ายค่านายหน้า บริษัทจะจ่ายค่านายหน้าก็ต่อเมื่อเจ้าหน้าที่ขายผ่านการทดลองงานแล้วเท่านั้น 
    • การรับเงินค่านายหน้า ยอดขายเงินสดและเงินเชื่อให้ปฏิบัติตามคู่มือและขั้นตอนปฏิบัติงานฝ่ายขาย
    • การคืนเงินค่ามัดจำสินค้า , ยกเลิก , คืนสินค้า เจ้าหน้าที่ขายต้องคืนค่านายหน้าให้กับบริษัทของยอดตามใบกำกับภาษีนั้นๆ 

5.2 กฎข้อบังคับแผนกจัดซื้อ 

  •  รายงานประจำเดือน
    • รวบรวมรายการการซื้อประจำเดือน 
      • การสั่งซื้อสินค้าต่างประเทศ 
      • การสั่งซื้อสินค้าในประเทศ 
    • รายงานการ Save Cost แต่ละเดือน 
  • รายงานประจำปี 
    • รายงานการประเมินผู้ขายประจำปี 
  • อำนาจการตัดสินใจ 
    • เจ้าหน้าที่จัดซื้อมีอำนาจการสั่งซื้อได้ไม่เกิน 5,000 บาท  
    • เจ้าหน้าที่จัดซื้ออาวุโสมีอำนาจการสั่งซื้อตั้งแต่ 5,000-10,000 บาท  
    • ผู้ช่วยผู้จัดการฝึกหัดฝ่ายจัดซื้อมีอำนาจการสั่งซื้อตั้งแต่ 10,001-18,000 บาท  
    • รองผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ 18,001-29,999 บาท  
    • ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ ตั้งแต่ 30,000บาท ขึ้นไปเป็นอำนาจการตัดสินใจของผู้จัดการ
  • ดำเนินงานตามหน้าที่ 
    • การดำเนินงานตามขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งวัตถุดิบ วัสดุ และสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่จำเป็นโดยมีคุณสมบัติ  ปริมาณ ราคา ช่วงเวลา แหล่งขาย และการนำส่ง ณ สถานที่ถูกต้อง 
    • การวิเคราะห์ใบขอให้ซื้อ  (Purchase  Requisition)  ซึ่งจะวิเคราะห์ถึงประเภทของสิ่งของและจำนวนที่ซื้อ 
    • ศึกษาถึงสภาวะตลาด  แหล่งที่จะจัดซื้อ  และผู้ขาย 
    • ส่งใบ Request  for  Quotations  ไปยังผู้ขายหลาย ๆ แหล่ง  
    • รับและวิเคราะห์ใบ Request  for  Quotations 
    • เลือกผู้ขายที่เสนอราคาและเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ดีที่สุด 
    • คำนวณราคาของสิ่งของที่จะสั่งซื้อให้ถูกต้อง 
    • ส่งใบสั่งซื้อ  (Purchase  Order)  ไปยังผู้ขายที่ต้องการจะซื้อ 
    • ติดตามผลให้เป็นไปตามที่ได้ติดต่อหรือตามสัญญา 
    • วิเคราะห์รายงานการรับรองของ 
    • วิเคราะห์และตรวจสอบใบกำกับสินค้า  (Invoice)  ของผู้ขายเพื่อการจ่ายเงิน 
  • เงื่อนไขการจ่ายชำระสินค้าเงินเชื่อ
    • ให้แนบกำหนดการวางบิลของบริษัท  ไปกับเอกสารใบสั่งซื้อใบแรกที่ได้รับเงื่อนไขชำระแบบเงินเชื่อ 

​กำหนดการวางบิล-รับชำระค่าสินค้า / บริการ


5.3 กฏข้อบังคับแผนกบัญชี 

  • รายงานประจำเดือน
    • สรุปสัดส่วนประเภทลูกค้าและการรับชำระเงินจากลูกค้า 
    • สรุปยอดจ่ายชำระซัพพลายเออร์ประจำเดือน 
    • สถานะเงินสดประจำเดือน 
    • สรุปงบกำไรขาดทุนประจำเดือน 
    • สรุปยอดลูกหนี้คงค้างประจำเดือน 
    • สรุปยอดเจ้าหนี้คงค้างประจำเดือน 
  •  ส่งรายงานภาษี 
    • ส่งเอกสารให้สำนักงานบัญชีไม่เกินวันที่ 10 ของทุกเดือน       
    • ชำระภาษี ภงด.1,3,53 ภพ.36 ภายในวันที่ 15 ของทุกเดือน  
    • ภพ.30 ภายในวันที่ 25 ของทุกเดือน 
    • ภธ.40 ตามรอบระยะเวลาบัญชีครึ่งปีและสิ้นปี 
    • ภงด.50,51 ตามรอบระยะเวลาบัญชีครึ่งปีและสิ้นปี 
  • อำนาจการตัดสินใจเบิกจ่าย
    • พนักงานที่นำเอกสารมาเบิกเงินต้องมีการเซ็นอนุมัติจากหัวหน้าแผนกโดยเหตุผลที่เบิกและวงเงินเป็นไปตามข้อกำหนด 
    • เอกสารที่นำมาเบิกต้องถูกต้องครบถ้วนทั้งใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษีหากไม่ถูกต้องจะไม่อนุญาตให้เบิกทุกกรณี 
  • ขั้นตอนการดำเนินงานพื้นฐาน

​มีหน้าที่ดำเนินการทางด้านบัญชีของบริษัท ตรวจสอบความถูกต้องด้านเอกสาร การรับ-จ่าย การเบิกจ่ายของเงินทุนหมุนเวียน การจัดทำรายงานทางการเงินและนำเสนอข้อมูลให้ผู้บริหารได้รับทราบ รวมไปถึงการจ่ายภาษีอากร การบันทึกบัญชี การประสานงานกับกรมสรรพากรและทางสำนักงานบัญชี  ตลอดจนการดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบแบบแผนของทางบริษัท

  • การขายสินทรัพย์

​เมื่อบริษัทต้องการขายสินทรัพย์ 

    • สินทรัพย์ที่ขายสามารถขายให้กับพนักงาน  บุคคลอื่น  หรือบริษัทอื่นๆ ที่ต้องการซื้อ 
    • เจ้าหน้าที่บัญชีมีหน้าที่ต้องออกใบกำกับภาษี และใบเสร็จรับเงิน ให้กับผู้ซื้อ (ออกเป็นฟอร์ม A4 ใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี(มี Vat ด้วย)  
    • หากต้องการขายในรูปแบบผ่อนชำระ จะต้องทำสัญญาซื้อขาย 

​FORM-AC-032 ตัวอย่างแบบฟอร์มสัญญาซื้อขาย  

    • สินทรัพย์ที่ขายมูลค่าจะต้องมากกว่าค่าเสื่อมคงเหลือ 
    • หากขายสินทรัพย์ต่ำกว่าราคาตลาดต้องมีการประเมินและรับรองจากผู้มีอำนาจและเหตุผลอันสมควรในการขายสินทรัพย์นั้นพร้อมทั้งหลักฐานว่าทำไมถึงขายสินทรัพย์ นั้นต่ำกว่าราคาตลาด 
    • การขายสินทรัพย์ถือเป็นรายได้ของบริษัท  รายได้ที่ได้ต้องนำไปเข้าระบบคำนวณภาษีเงินได้ 

​ขายสินทรัพย์ 2 ครั้งในวันที่ 

      • ครั้งที่ 1 สัปดาห์สุดท้ายของเดือน มิถุนายน 
      • ครั้งที่ 2 สัปดาห์สุดท้ายของเดือน พฤศจิกายน  
  • รอบการจ่ายเงินค่าเบิกเงินล่วงหน้า
    • ให้ดูที่หัวข้อ 3(การเบิกเงินที่สำรองจ่ายไปล่วงหน้า) ฃ

5.4 กฎข้อบังคับแผนกจัดส่ง

  •  รายงานประจำเดือน 
    • รายงานการจัดส่งสินค้า ทั้งส่งเอง ขนส่ง รับสินค้า อื่นๆของแต่ละเดือน 
  • อำนาจการตัดสินใจหน้างาน
    • เจ้าหน้าที่จัดส่งจะต้องแจ้งหัวหน้าก่อน จะดำเนินงานอย่างไรตามคำสั่งของหัวหน้า 
    • เจ้าหน้าที่จัดส่งโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ขายโดยตรง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ขายตัดสินใจ 
  • ขั้นตอนการดำเนินงานพื้นฐาน
    • รับบิลจากแผนกบัญชี เพื่อวางแผนในการจัดส่ง ว่าไปเส้นทางไหนบ้าง 
    • นำบิลไปเบิกของที่คลังสินค้า เพื่อตรวจสอบสินค้าก่อนส่ง ทั้งกรุงเทพฯ - ปริมณฑล และ ต่างจังหวัด 
    • สินค้าของลูกค้ากรุงเทพฯ-ปริมณฑล จะต้องตรวจสอบ และโทรสอบถามเส้นทาง เพื่อความถูกต้อง 
    • สินค้าของลูกค้าต่างจังหวัด ทำการแพ็คสินค้า นำส่งขนส่งเอกชน 
    • ถ้าแผนกบัญชีมีการวางบิล และ รับเช็ค ต้องตรวจสอบอีกที 
  • การใช้รถในการส่งของ
    • รถบริษัทให้เบิกค่าน้ำมันได้ตามจริง
    • ค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษาบริษัทเป็นผู้ชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมด  

5.5 กฎข้อบังคับแผนกไอที

  • ทำการ Full Back Up ข้อมูลทุกระบบทุกเดือน 
  • ข้อมูลย้อนหลังจะดูได้ล่าสุดไม่เกิน 7 วัน 

5.6 กฎข้อบังคับแผนกทรัพยากรบุคคล

  •  ค่าตอบแทน และสวัสดิการ (Compensation & Benefit) 
    • รายงานพนักงานเข้าใหม่-ลาออก แจ้งออนไลน์ผ่านช่องทางหน้าเวป ประกันสังคมภายในไม่เกิน   15 วันหลังจากพนักงานเริ่มงาน หรือพ้นสภาพการเป็นพนักงาน  
      รายงานการแจ้งเข้า - ออกประกันสังคม 
    • ชำระเงินสมทบออนไลน์ผ่านช่องทางหน้าเวป ประกันสังคมให้ทัน ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป 

ชำระเงินสมทบออนไลน์

    • ตรวจสอบข้อมูลขาดลามาสาย สำหรับคำนวณค่าจ้าง ภายในวันที่ 15 ของทุกเดือน 
    • ตรวจสอบ Hand book ของแผนกขายเพื่อเป็นเอกสารประกอบการจ่ายค่าจ้าง ภายในวันที่ 25 ของทุกเดือน 
    • รายงานสรุปยอดค่าจ้าง ค่าประกันสังคม ภาษี ไม่เกินวันที่ 5 ของทุกเดือน 
      รายงานค่าจ้างประจำปี 
    • คำนวนค่าจ้างให้เสร็จภายในวันที่ 29 ของทุกเดือน และUploadไฟล์เงินเดือนขึ้นระบบของธนาคารทหารไทย และ แจ้งผู้มีอำนาจให้อนุมัติการจ่าย  (หากติดวันหยุดให้เลื่อนขึ้นมา) 
    • แจ้งเข้าแจ้งออก AIA หลังจากพนักงานผ่านทดลองงาน  (กรณีแจ้งออก ให้เก็บบัตรส่งคืน AIAพร้อมเอกสารแจ้งออก)          
    • ส่งรายงานเงินเดือนให้กับสำนักงานบัญชี  ไม่เกินวันที่ 5 ของทุกเดือน 
    • คำนวณภาษี (ส่งใบ ภงด1 หน้าแรกให้แผนกบัญชีเพื่อดำเนินการจ่าย) ภายในวันที่ 10 ของทุกเดือน 
    • ห้ามเปิดเผยข้อมูลเงินเดือนให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องทราบเป็นอันขาด
  • การสรรหาว่าจ้าง (Recruitment & Selection) 
    • การรับการร้องขอพนักงานใหม่ (Manpower Request) หรือมาทดแทน ต้องได้รับการอนุมัติจากหัวหน้าแผนกจึงจะดำเนินการสรรหาได้ 
      FORM-HR-007 แบบฟอร์มใบขออัตรากำลังสรรหาพนักงาน 
    • ลงประกาศตำแหน่งงาน (Job Posting) ผ่านช่องทาง jobthai ต้องระบุตำแหน่งพร้อมหน้าที่ที่รับผิดชอบ
    • ประสานงานจัดหาวันเวลากับทางผู้สัมภาษณ์หัวหน้าแผนก/กรรมการให้ตรงกันและสัมภาษณ์ 
    • ผู้สัมภาษณ์จะต้องเป็นหัวหน้าแผนกที่เกี่ยวข้อง และ แผนกทรัพยากรบุคคล  
    • ก่อนทำการสัมภาษณ์ต้องผ่านการอบรมวิธีการสัมภาษณ์จากแผนกทรัพยากรบุคคล 
    • แผนกทรัพยากรบุคคลจะเป็นผู้สัมภาษณ์ในส่วนของคำถามพื้นฐาน และแจ้งระแบบและสวัสดิการพื้นฐาน 
      คู่มือการสัมภาษณ์งาน 
      ระเบียบและสวัสดิการพื้นฐาน
    • กรณีไม่ผ่านสัมภาษณ์ ต้องทำลายเอกสารที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครทิ้งภายใน  30 วันหลังจากแจ้งผล 
    • กรณีผ่านการสัมภาษณ์และตกลงทำสัญญาให้ดำเนินการส่ง Email แจ้งผล และโทรแจ้งผู้สัมภาษณ์เพื่อเป็นการตรวจสอบความพร้อมในการเริ่มงาน  
    • แจ้งสิทธิประโยชน์และระเบียบขั้นพื้นฐานกับพนักงานใหม่ ให้ความรู้ความเป็นมาเกี่ยวกับบริษัท 

6. ขั้นตอนปฏิบัติงานพนักงาน

6.1 ข้อปฏิบัติ  "การประชุม"

ประชุม , ประชุมปกติ   หมายถึง การประชุมทั่วไปไม่จำกัดหัวข้อ เช่น การประกาศ, การแจ้งข่าวสาร , การแก้ไขปัญหาในงาน , การตัดสินใจ และการระดมความคิด ฯลฯ 

ข้อปฏิบัติ

      • ต้องส่งเอกสารนำประชุม  มีประธานประชุมและผู้เซ็นอนุมัติให้ประชุม  และจะต้องมีผู้สรุปเนื้อหาการประชุมเพื่อส่งมอบให้กับประธานที่ประชุม ภายในเวลาที่กำหนด 
      • การประชุมจะต้องมีการนัดหมายล่วงหน้าอย่างน้อย 2-7 วัน 
      • ใช้เวลาได้ไม่จำกัด ขึ้นกับความเหมาะสม  แต่ไม่ควรเกิน 2 ชั่วโมง 

  ประชุมเร่งด่วน  หมายถึง การประชุมที่ต้องการข้อสรุปหรือข้อตกลงอย่างเร่งด่วน 

ข้อปฏิบัติ

      • ต้องส่งเอกสารนำประชุม ภายหลังจากประชุมเสร็จ และจะต้องมีผู้สรุปเนื้อหาการประชุมเพื่อส่งมอบให้กับประธานที่ประชุม 
      • การประชุมจะต้องมีการนัดหมายล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วันหรือน้อยกว่า 
      • ใช้เวลาได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง 

ประชุมฉุกเฉิน  หมายถึง การประชุมที่สำคัญและเร่งด่วนมาก 

ข้อปฏิบัติ

      • ต้องส่งเอกสารนำประชุม ภายหลังจากประชุมเสร็จ และจะต้องมีผู้สรุปเนื้อหาการประชุมเพื่อส่งมอบให้กับประธานที่ประชุมทันที 
      • การประชุมไม่มีการนัดหมายล่วงหน้า  พนักงานที่ต้องเข้าประชุมทุกคนจะต้องพร้อมเข้าประชุมภายใน 20 นาที 
      • ใช้เวลาได้ไม่เกิน 45 นาที 

​Form–All-002 แบบฟอร์มนำประชุม​

***“การติดตามงาน / หารือ / แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ไม่ได้เรียกว่าเป็นการประชุม” ***  

6.2 ข้อปฏิบัติ  "การประกาศ"

  • การประกาศเพื่อเพิ่ม ลด หรือแก้ไข
    • นโยบาย 
    • กฎข้อบังคับ ข้อตกลง 
    • สิทธิพนักงาน 
    • หน้าที่พนักงานแต่ละตำแหน่ง 
    • อื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของพนักงาน 

ข้อปฏิบัติ

    • ต้องผ่านการประชุมและมีข้อสรุปในที่ประชุมเป็นลายลักษณ์อักษรเรียบร้อยแล้ว 
    • ต้องมีการเซ็นอนุมัติเพื่อปิดประกาศ โดยมีผู้มีอำนาจลงนามและลงลายมือชื่อกำกับ 
    • ต้องปิดประกาศเป็นเวลา 90 วัน พร้อมทั้งมีพยานยืนยันการประกาศ 
    • ใช้เวลาในที่ประชุมเพื่อประกาศได้แต่ต้องไม่เกิน 2 ชั่วโมง


  •  ประกาศทั่วไป เช่น ประกาศวันหยุด , ประกาศการปรับเลื่อนตำแหน่ง , ประกาศชี้แจงเรื่องต่างๆ 

ข้อปฏิบัติ

    • ต้องผ่านการประชุมและมีข้อสรุปในที่ประชุมเป็นลายลักษณ์อักษรเรียบร้อยแล้ว 
    • ต้องมีการเซ็นอนุมัติเพื่อปิดประกาศ โดยมีผู้มีอำนาจลงนามและลงลายมือชื่อกำกับ 
    • ต้องปิดประกาศ เป็นเวลา 30 วัน พร้อมทั้งมีพยานยืนยันการประกาศ 
    • ใช้เวลาในที่ประชุมเพื่อประกาศได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง 

​Form–All-001 แบบฟอร์มยืนยันการปิดประกาศ 


6.3 ข้อปฏิบัติ  "การรับทราบ"

    • ต้องมีการลงลายมือชื่อรับทราบแบบมีลายลักษณ์อักษรลงในเอกสาร 
    • รับทราบทางไลน์ 
      • ห้ามส่งสติกเกอร์ 
      • ให้ พิมพ์รับทราบว่า "61" หรือ "2"  
    • รับทราบทางอีเมล 
    • “การรับทราบปากเปล่าจะไม่ถือว่าเป็นเป็นการรับทราบที่ส่งผลต่อเอกสาร” 

6.4 ข้อปฏิบัติ "การรักษาความสะอาดและเวรทำความสะอาด"

    • แยกขยะก่อนทิ้ง 
    • เวรทำความสะอาดสามารถจัดการได้ความเหมาะสม
    • กิจกรรมที่ต้องทำ 
      • ทิ้ง , ซัก , ล้าง , ทำความสะอาด อุปกรณ์และทรัพย์สิน
      • ขยะในห้องน้ำ ทิ้งตามสมควร
      • ทำความสะอาดโต๊ะทำงานให้เป็นระเบียบเรียบร้อยเสมอ 
    • สัปดาห์ Big cleaning
      • จัดทำในเดือน 6 และเดือน 12 แผนกเจ้าหน้าที่ทรัพยากรบุคคลจะเป็นผู้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วัน 
      • จำนวนวันการทำ Big Cleaning อาจมากกว่า 1 วัน

6.5 ข้อปฏิบัติ "ถือครองตราประทับและลงลายมือชื่อ"

  • การประทับตราบริษัท

ข้อปฏิบัติ

      • ให้ประทับต่อหน้าผู้มีอำนาจถือครองตราประทับ 
      • กรณี ไม่มา/ไม่อยู่ หากอยู่ในสิทธิการตัดสินใจ สามารถขอตราประทับจากผู้ถือครองตราประทับได้

6.6 ข้อปฏิบัติ "ถือครองรหัส สำหรับใช้งานด้านต่างๆ"

  • รหัส ทางคอมพิวเตอร์ที่ใช้ภายในบริษัท 
    • เป็น Account ที่ใช้งานเกี่ยวข้องกับบริษัทเท่านั้นที่สามารถนำมาใช้ได้ 
    • รหัสเข้าคอม , Odoo , Wordpress , Next cloud , Email , Wifi 
    • รหัสตั้งต้น จะต้องเป็นรหัสที่ถูกสร้าง Admin เท่านั้น ขั้นต่ำ 8 หลักขึ้นไป (ไม่ใช่รหัสที่เดาง่าย) 
    • รหัสที่ใช้ร่วมกัน ให้ขอกับเจ้าหน้าที่ไอทีเท่านั้น 
    • Social 
    • Shopping online 
  • รหัส ทางคอมพิวเตอร์ที่ใช้ภายนอก
    • User , Pass ที่เป็น vendor ให้ส่งรหัสให้กับเจ้าหน้าที่ไอที 
    • Factoring 
    • web ราชการ 
    • Shopping Online 
  • เงื่อนไขของการเปลี่ยนรหัสผ่าน 
    • Account ที่ใช้งานที่เกี่ยวข้องกับบริษัทจะมีการเปลี่ยนแปลงทุกๆ 6 เดือน 
    • ทุกครั้งที่มีการพ้นสภาพการเป็นพนักงาน พนักงานของแผนกนั้นๆ ต้องเปลี่ยนรหัสทั้งหมด 
    • ห้ามพนักงานเปิดเผยรหัสผ่านที่ได้รับให้ผู้อื่นเห็น หากพบเจอถือเป็นความผิดร้ายแรง 
    • ห้ามพนักงานใช้คอมพิวเตอร์เครื่องของคนอื่นทำงาน 

 

6.7 ข้อปฏิบัติ "ถือครองกุญแจ"

  • เงื่อนไขของการถือครองกุญแจ 
    • หากทำหายเพียง 1 ดอก ให้ผู้ถือกุญแจซื้อกุญแจมาใหม่ 
    • ห้ามปั๊มโดยไม่ได้รับอนุญาต หากพบเจอถือเป็นความผิดร้ายแรง 
    • เรียกคืนกุญแจเพื่อตรวจสอบ จะดำเนินการในวัน Big Cleaning 
    • กุญแจชำรุดเสียหาย ให้อนุญาตไปปั๊มใหม่ได้ 
    • ห้ามเสียบกุญแจคาไว้ ให้ผู้พบเห็นนำส่งกับ HR เพื่อชำระค่าปรับ 500 บาท 
  • กุญแจ Locker 
    • ให้นำแม่กุญแจมาเอง บริษัทไม่แจกกุญแจให้ 
    • บริษัทมีสิทธิที่จะเปิด locker โดยไม่ต้องแจ้งก่อนแต่ต้องมีพยานอย่างน้อย 2 คน 
    • บริษัทไม่รับผิดชอบต่อทรัพย์สินส่วนตัวของพนักงานในกรณีสูญหาย 
    • กุญแจสำรองห้องทั้งหมดแผนกทรัพยากรบุคคลเป็นผู้รับผิดชอบ    

 

 

6.8 ข้อปฏิบัติ "เงินสดกองย่อย"

  • รับเงินสดจากลูกค้า ณ วันที่ส่งสินค้า 
    • ต้องนำเงินสด ไปส่งให้แผนกบัญชี 
    • แผนกบัญชีจะนำรายการบิลเงินสดสรุปยอดส่งให้ผู้จัดการแผนกบัญชีในแต่ละวัน และผู้จัดการแผนกบัญชีจะเป็นผู้นำเงินไปฝากเข้าบัญชีบริษัท  

​ข้อปฏิบัติรับเงินสด 

    • ต่ำกว่า 10,000 บาท รับเงินสดได้ เอามาเคลียกับแผนกบัญชีทันที 
    • มากกว่า 10,000 บาทให้ลูกค้า จ่ายเป็นเช็ค / โอน เท่านั้น 
  • กรณีต้องใช้เงินสดหน้างาน 
    • ไม่เกิน 3,000 บาทให้สำรองจ่ายไปก่อน เบิกคืนตามรอบจ่าย 
    • เกิน 3,000 บาทให้ทำเรื่องขอซื้อสินค้ากับแผนกจัดซื้อ และเป็นไปตามขั้นตอนการจัดซื้อ 

 

6.9 ข้อปฏิบัติ "ชื่อกลุ่ม Line ในการทำงาน"

  • การคัดกรองคนในกลุ่มเป็นหน้าที่ของหัวหน้าแผนก 
  • ใหใช้ line จากเบอร์ออฟฟิศเท่านั้น หากไม่มีมือถือออฟฟิศ อนุโลมให้ใส่ line ส่วนตัวได้ 
  • กลุ่มหลักที่ใช้งานเป็นทางการ นอกเหนือจากนี้ ให้ทำการยกเลิกและถือว่าไม่เกี่ยวข้องกับงาน 

ชื่อกลุ่ม 

จุดประสงค์ 

สมาชิก 

PAKO "งาน" V.2 

 แจ้งข่าวสารเกี่ยวกับงาน 

 พนักงานทุกคน 

กลุ่มภายในแผนกเดียวกัน 

PAKO "Sales Only" 

 ติดต่อกันภายในแผนก 

 เจ้าหน้าที่ขายเท่านั้น (ทั้งหมด) 

PAKO "Purchase Only" 

 ติดต่อกันภายในแผนก 

 เจ้าหน้าที่จัดซื้อเท่านั้น (ทั้งหมด) 

PAKO "HR Only" 

 ติดต่อกันภายในแผนก 

 เจ้าหน้าที่ทรัพยากรบุคคลเท่านั้น (ทั้งหมด) 

PAKO "IT Only" 

 ติดต่อกันภายในแผนก 

 เจ้าหน้าที่ไอทีเท่านั้น (ทั้งหมด) 

PAKO "Account Only" 

 ติดต่อกันภายในแผนก 

 เจ้าหน้าที่บัญชีเท่านั้น (ทั้งหมด) 

PAKO "Manager Only" 

 ติดต่อกันภายในแผนก 

 ผู้บริหารเท่านั้น (ทั้งหมด) 

PAKO "Logistic Only 

 ติดต่อกันภายในแผนก 

 เจ้าหน้าที่จัดส่งเท่านั้น (ทั้งหมด) 

กลุ่มระหว่างแผนก 

PAKO "เปิดบิล" 

 -แจ้งให้ทางเซลรับทราบว่าของมาแล้ว 

 - แจ้งให้บัญชีเปิดบิล 

 เจ้าหน้าที่ขาย , เจ้าหน้าที่บัญชี, หัวหน้างานธุรการอาวุโส 

PAKO "รับซัพ" 

 - ให้ไปรับของจากซัพ 

 - แจ้งจัดซื้อว่า ของมาแล้ว 

 - จัดซื้อ-บัญชี แจ้งเรื่องการโอนเงิน 

 เจ้าหน้าที่จัดซื้อ เจ้าหน้าที่บัญชี, หัวหน้างานธุรการอาวุโส 

PAKO "ขายออนไลน์" 

 - เพื่อแจ้งให้เตรียมสินค้าสำหรับออนไลน์ 

 เจ้าหน้าที่ไอที , หัวหน้างานธุรการอาวุโส 

PAKO "รับลูกค้า" 

 - รับลูกค้า Income 

 เจ้าหน้าที่ไอที , เจ้าหน้าที่ขาย 

PAKO "แจ้งโอนเงิน" 

 - เซลแจ้งโอนเงิน 

 เจ้าหน้าที่ขาย,เจ้าหน้าที่จัดส่ง, เจ้าหน้าที่บัญชี 

PAKO "ขอราคา(RFQ)" 

 - แจ้งสถานะ RFQ 

 เจ้าหน้าที่ขาย, เจ้าหน้าที่จัดซื้อ 

PAKO "เซอร์วิส" 

 -แจ้งสถานะซ่อม ตรวจสอบสินค้า 

 เจ้าหน้าที่ขาย, เจ้าหน้าที่จัดซื้อ, วิศวกรขาย 

 

 

6.10 ข้อปฏิบัติ "การให้ Feedback"

  • หัวข้อในการแจ้งผลการประเมิน หรือ Feedback มี 6 ข้อ ประกอบด้วย 
    • จุดแข็ง คือ การบอกถึงข้อดีของตัวพนักงานคนนั้นๆว่ามีความสามารถหรือทำอะไรได้ดีมากๆบ้าง 
    • จุดอ่อน คือ การบอกถึงสิ่งที่พนักงานคนนั้นยังทำได้ไม่ดี สะท้อนข้อมูล ให้คิดทบทวน และหาก ต้องการข้อเสนอแนะให้บอก 
    • โอกาสในการพัฒนา คือ การชี้แนะช่องทางในการปรับเปลี่ยนความสามารถให้ไปในทางที่ดีขี้น 
    • อะไรที่ทำได้ดีแล้ว คือ เป็นการบอกถึงผลงาน หรือพฤติกรรมของพนักงานที่เขาทำออกมาได้ดีเพื่อเป็นการชมเชย ขอบคุณ และให้กำลังใจ
    • มีอุปสรรคอะไรบ้าง คือ การถามถึงผลกระทบของการทำงานนั้นๆ ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง และได้มีการจัดการกับอุปสรรคนั้นอย่างไร 
    • ต้องใช้ทักษะอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ คือ เป็นการบอกถึงสิ่งที่พนักงานควรจะเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงอะไร เพื่อให้เกิดผลงานที่ดีขึ้นได้ 

  

6.11 ข้อปฏิบัติ "การตั้งชื่อโฟลเดอร์ และไฟล์เอกสาร"

​​หลีกเลี่ยงปัญหาที่พบของการตั้งชื่อโฟลเดอร์และชื่อไฟล์ คือ

  • หาเอกสารไม่เจอ , ซ้ำ 
  • สับสนกับเอกสารไม่รู้ว่าเอกสารฉบับไหนใช้หรือไม่ใช้  
  • ตั้งชื่อไม่ชัดเจน เช่น อัพเดท ล่าสุด ใหม่ เก่า 
  • จำกัดสิทธิการเข้าถึง 


6.12 ข้อปฏิบัติ "การ Challenge"

​การเขียน Challenge คือ การที่พนักงานแต่ละแผนกได้มีข้อสรุปและข้อตกลงร่วมกันแล้ว แต่ไม่สามารถปฏิบัติตามข้อสรุป หรือข้อตกลงนั้นๆได้ จึงต้องมีการเขียน Challeng เพื่อให้แผนกอื่น หรือเพื่อนร่วมงาน ปฏิบัตินอกเหนือข้อตกลงเป็นครั้งคราว โดยจะมีผู้มีอำนาจในการตัดสินใจตัดสินว่าเรื่องที่เขียน Challeng มานั้นแผนกอื่น หรือเพื่อนร่วมงานต้องทำหรือไม่ 

​ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจการเขียน Challeng มี 3 ท่านตามลำดับ คือ 

    • ลำดับที่ 1. เจ้าหน้าที่อาวุโส 
    • ลำดับที่ 2. รองผู้จัดการ 
    • ลำดับที่ 3. ผู้จัดการ


6.13 การใช้ทรัพย์สินของบริษัท 

  • คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค โทรศัพท์มือถือ และทรัพย์สินอื่นๆที่พนักงานใช้งาน
    • พนักงานทุกคนต้องเก็บเครื่องคอมพิวเตอร์ให้มิดชิดทั้งในบริษัทและภายนอก 

ชื่อทรัพย์สิน 

กรณี 

ข้อปฏิบัติ 

คอมพิวเตอร์ทุกชนิด , โทรศัพท์มือถือ 

สูญหายภายในบริษัทจากการเก็บอย่างมิดชิด 

ผู้ยืมทรัพย์สินต้องเป็นผู้แจ้งความ 

สูญหายภายในบริษัทโดยประมาท 

พนักงานต้องจ่ายเงิน 100%ของมูลค่าของทรัพย์สิน 

สูญหายภายในบริษัทโดยไม่ประมาท 

บริษัทจะพิจารณาและสืบสวนหาข้อสรุป 

สูญหายภายนอกบริษัท 

พนักงานต้องจ่ายเงิน 100% ของมูลค่าของทรัพย์สินนั้นทุกกรณี 

สูญหายเนื่องจาก ภัยพิบัติ โจรกรรม 

บริษัทจะพิจารณาในทรัพย์สินนั้น 

เสียหายจากการใช้ปกติ 

บริษัทเป็นผู้รับผิดชอบ 

เสียหายจากการถือครอง 

พนักงานต้องจ่ายเงิน 100% ของค่าซ่อม หรือจัดหาเครื่องใหม่ในสภาพเดิมหรือสูงกว่า 

หากเครื่องมีประกัน บริษัทจะจัดหาเครื่องสำรองให้ใช้งานชั่วคราวและผู้ทำเสียหายจะต้องเป็นผู้ดำเนินการเอง 

เฟอร์นิเจอร์ 

เสียหายจากการใช้ปกติ 

บริษัทเป็นผู้รับผิดชอบ 

เสียหายจากการใช้งานผิดประเภท 

พนักงานต้องจ่ายเงิน 100% ของค่าซ่อม หรือจัดหาใหม่ในสภาพเดิมหรือสูงกว่า 

อุปกรณ์สำนักงานอื่น 

เสียหายจากการใช้ปกติ 

บริษัทเป็นผู้รับผิดชอบ 

สูญหายทุกกรณี 

พนักงานต้องจ่ายเงิน 100% ของค่าซ่อม หรือจัดหาใหม่ในสภาพเดิมหรือสูงกว่า 

ทรัพย์สินอื่นๆ 

เสียหายจากการใช้ปกติ 

บริษัทเป็นผู้รับผิดชอบ 

สูญหายทุกกรณี 

พนักงานต้องจ่ายเงิน 100% ของค่าซ่อม หรือจัดหาใหม่ในสภาพเดิมหรือสูงกว่า 

                                                             

 

  • การเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ 
    • เมื่อพนักงานได้รับทรัพย์สินมาแล้ว พนักงานจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบว่าอยู่ในสภาพที่ดี สามารถใช้งานได้ตามปกติ พนักงานต้องรายงานและแจ้งกับผู้บังคับบัญชาทันทีที่พบว่าเสียหายหรือไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ 
    • พนักงานต้องรับผิดชอบในการบำรุงรักษาอุปกรณ์และข้อมูลต่างๆที่อยู่ในอุปกรณ์นั้น และพนักงานต้องรับผิดชอบต่ออุปกรณ์ต่อพ่วงที่ทางบริษัทได้ให้ไว้ 
    • พนักงานต้องตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆตามรายละเอียดอุปกรณ์ต่อพ่วงที่บริษัทได้ให้ไว้อย่างละเอียดถี่ถ้วนตามรายการนั้น 
    • อย่าทิ้งทรัพย์สินไว้โดยไม่ได้รับการดูแลโดยเฉพาะในรถยนต์ หรือสถานที่สาธารณะ 
    • เมื่อมีการเดินทางห้ามโหลด ทรัพย์สิน เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ไปกับสายการบินพนักงานควรที่จะถือขึ้นเครื่องแทน 
    • มีการเก็บสำรองข้อมูลต่างๆภายในคอมพิวเตอร์ไว้เสมอ 
    • ควรจะรายงานผู้บังคับบัญชาทันทีที่มีการพบข้อเสียหายหรือบกพร่องเกี่ยวกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ 

 

  • เซิฟเวอร์ 
    • เซิฟเวอร์นั้นจะถูกใช้เพียงเพื่อธุรกิจเท่านั้น 
    • ข้อมูลส่วนตัวจะไม่มีการเก็บรักษาไว้ในระบบเก็บข้อมูล 
    • ผู้ดูแลระบบมีสิทธิในการลบข้อมูลส่วนตัวของพนักงานออกได้ โดยไม่ต้องมีการแจ้งให้พนักงานทราบล่วงหน้า 
    • พนักงานต้องพยายามเก็บข้อมูลอย่างเป็นระเบียบ และเก็บข้อมูลสำรองไว้ , ลบข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลที่ไม่จำเป็นออกเสมอ 

 

  • ซอฟท์แวร์  
    • บริษัทมีนโยบายที่เคร่งครัดเกี่ยวกับการห้ามใช้ซอฟท์แวร์ที่ไม่มีใบอนุญาตที่ใช้บนคอมพิวเตอร์ของบริษัท การฝ่าฝืนลิขสิทธิทางคอมพิวเตอร์นี้ สามารถนำไปสู่การประพฤติผิดตามระเบียบของบริษัทได้ 
    • การใช้ซอฟท์แวร์แบบใช้งานฟรี / ซอฟท์แวร์ใช้งานร่วมกัน / ซอฟท์แวร์แบบทดลองสามารถใช้งานได้ 
    • พนักงานทุกคนต้อง update Windows ด้วยตัวเองอย่างสม่ำเสมอ 
    • ไม่ต้องลง Anti Virus เนื่องจากบริษัทใช้ Windows ถูกลิขสิทธิ์มี Anti Virus อยู่แล้ว 
    • ห้ามเข้า web site ที่มีความเสี่ยงให้ติดไวรัส 

 

  • สิทธิต่างๆของบริษัทต่อทรัพย์สิน 
    • พนักงานบริษัทมีสิทธิที่เข้าใช้ระบบโปรแกรม ขั้นตอนการใช้งาน และสิ่งอื่นๆที่เกี่ยวข้องที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาโดยตัวท่านเอง  
    • ข้อมูลทั้งหมด การเข้า/ถอดรหัส หรือการสื่อสารทั้งหมดทั้งทางอีเมล์และทางอื่นนั้นจะถือเป็นสิทธิของพนักงานเมื่อมีการใช้ข้อมูลนั้นบนอุปกรณ์ของบริษัท 
    • สิทธิในการครอบครองระบบ ความคิด โปรแกรม หรือสิ่งอื่นใดที่มีการพัฒนาโดยพนักงาน รวมถึงโปรแกรมใช้งานอื่นๆที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานภายใต้สัญญาว่าจ้างนี้ จะตกเป็นลิขสิทธิของบริษัท 

 

  • ความลับของข้อมูล 
    • พนักงานต้องป้องกันข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของคุณ โดยการตั้งชื่อ Login และรหัสผ่าน  
    • ติดตั้ง screensaver บนหน้าจอไว้ และมีการตั้งรหัสไว้เช่นกัน 
    • กรณีที่พนักงานไม่อยู่กับเครื่องคอมพิวเตอร์ จะต้องไม่มีใครสามารถเข้าใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ 
    • ห้ามเปิดเผยรหัสผ่านกับพนักงานท่านอื่นหรือบุคคลอื่น

7. การกระทำความผิดและการลงโทษ 

7.1 ขั้นตอนการกระทำผิด 

  • ผู้กระทำความผิด ต้องถูกกล่าวหาจากผู้กล่าวหา 
  • ต้องมีหลักฐานที่สามารถระบุเหตุการณ์ การกระทำความผิดได้ 
  • ไตร่สวนหาหลักฐาน , วินิจฉัยข้อเท็จจริง 
  • ระบุการกระทำความผิด 
  • ลงโทษตามกระบวนการ 

 

7.2 ความผิดวินัยไม่ร้ายแรง 

  • ในกรณีของการเกิดการละเมิดฝ่าฝืนที่ไม่รุนแรงนั้น ขั้นตอนดังต่อไปนี้จะถูกมามาใช้ปฏิบัติ 

ลำดับขั้น 

การลงโทษ 

ผู้มีสิทธิลงโทษ 

หลักฐานการลงโทษ 

ขั้นที่ 1  

การให้คำปรึกษาด้วยวาจา 

หัวหน้างาน / ผู้จัดการ 

ไม่มี 

ขั้นที่ 2 

การตักเตือนอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งที่ 1 

หัวหน้างาน / ผู้จัดการ 

แบบฟอร์มใบเตือน 

ขั้นที่ 3 

การตักเตือนอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งที่ 2 

หัวหน้างาน / ผู้จัดการ 

แบบฟอร์มใบเตือน 

ขั้นที่ 4 

การตักเตือนอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรโดยการ 

พักงาน โดยไม่ได้รับค่าจ้าง 

หัวหน้างานและผู้จัดการแผนกบุคคล 

แบบฟอร์มใบเตือน 

ขั้นที่ 5 

ให้พ้นสภาพการเป็นพนักงาน 

หัวหน้างานและผู้จัดการแผนกบุคคล 

หนังสือยกเลิกการว่าจ้าง 

(ไล่ออก) 

 

7.3 ความผิดวินัยอย่างร้ายแรงซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง 

  • ความเสียหายร้ายแรง หมายถึง การเสียหายผลที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สิน เกินกว่าการดำเนินการปกติของบริษัท ทั้งนี้ความเสียหายร้ายแรงขึ้นกับการพิจารณาของบริษัทต้องการทำการไล่ออกสถานเดียวตามกฎหมาย 
    • เจตนาทำให้เกิดการเสียหายผลที่ส่งผลกระทบต่อมูลทรัพย์สินหรือผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น 
    • กระทำผิดทางอาญาต่อนายจ้าง 
    • กระทำผิดทางอาญาที่ไม่ใช่ลหุโทษต่อบุคคลากรของบริษัท 
    • กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ 
    • ปฏิบัติหน้าที่โดยประมาทเลินเล่อ ซึ่งพนักงานสามารถเล็งเห็นอันตรายได้ แต่ไม่ทำการป้องกัน ละเลย ไม่ทำตามขั้นตอนที่ถูกต้อง จนเป็นเหตุให้ทางบริษัทได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง ต่อมูลค่าทรัพย์สิน เป็นจำนวนมูลค่ามากกว่า 50,000 บาท หรือต้องมีการหยุดงานของบุคคลากรเกิน 3 วัน 
    • ละทิ้งหรือทอดทิ้งการทำงานเป็นเวลาติดต่อกันเกินกว่า 3 วัน 
    • ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง หรือกระทำความผิดอาญาโดยมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกหรือหนักกว่าโทษจำคุก 
    • จงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับหรือเงื่อนไขที่ทางบริษัทกำหนดให้ปฏิบัติจนเป็นเหตุให้บริษัทได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง  
  • เมื่อมีกรณีที่พนักงานถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง 
    • ให้หัวหน้าให้มีคณะกรรมการสอบสวนเพื่อดำเนินการสอบสวนโดยเร็ว และต้องให้โอกาสพนักงานที่ถูกกล่าวหาชี้แจงและแสดงพยานหลักฐานเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม 
    • ในกรณีที่ผลการสอบสวนปรากฏว่าพนักงานผู้นั้นกระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรงให้หัวหน้ามีคำสั่งไล่ออก แต่ถ้าไม่มีมูลกระทำความผิดให้สั่งยุติเรื่อง 
    • หลักเกณฑ์และวิธีการการสอบสวนพนักงาน ให้เป็นไปตามที่บริษัทกำหนด 

 

7.4 การพักงาน

  • การพักงานระหว่างสอบสวน 
    • การพักงานในระหว่างสอบสวนความผิดลูกจ้างมีกำหนดไว้ในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน  พ.ศ.2541 ในมาตรา 116 และ มาตรา 117 โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้ 
      • ลูกจ้างนั้นได้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด 
      • นายจ้างประสงค์ทำการสอบสวนลูกจ้างและประสงค์พักงานลูกจ้างนั้น 
      • มีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหรือข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างระบุว่านายจ้างมีอำนาจสั่งพักงานลูกจ้างได้ 
      • นายจ้างได้มีคำสั่งพักงานเป็นหนังสือระบุความผิดและกำหนดระยะเวลาพักงานซึ่งต้องไม่เกิน 7 วัน แลนายจ้างได้แจ้งให้ลูกจ้างทราบก่อนการพักงานนั้นแล้ว 
      • นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างในระหว่างพักงานไม่น้อยกว่า 50% ของค่าจ้างปกติ 
    • การลงโทษลูกจ้างด้วยการพักงาน 
      • ไม่ต้องจ่ายค่าจ้าง แต่ก็ต้องมีหลักเกณฑ์เช่นเดียวกันกับหลักเกณฑ์การพักงานในระหว่างสอบสวน คือ ต้องมีข้อบังคับกำหนดโทษพักงานไว้ด้วย 
      • ต้องกำหนดระยะเวลาการพักงาน 
      • ต้องแจ้งให้ลูกจ้างทราบล่วงหน้าก่อนการลงโทษ 

 

7.5 ใบเตือน

  • ใบเตือนมีอายุ 1 ปี นับจากวันที่ออก
  • ใบเตือนไม่จำเป็นที่พนักงานต้องเซ็นรับทราบ บริษัทสามารถใช้การอ่านให้ฟังโดยการบันทึกเสียงได้ ส่งจดหมายไปยังที่พัก หรือ ส่ง  E-mail ได้ 

 

7.6 การร้องเรียน

  • หากพบการทำงานไม่เป็นไปตามหลักกฏหมายหรือข้อตกลง หรือมีข้อสงสัยในการพิจารณาของบริษัท พนักงานสามารถทำการร้องเรียน ตามแบบฟอร์ม เพื่อให้ส่วนบริหารทำการตรวจสอบ โดยการตรวจสอบจะเป็นในทางลับพนักงานสามารถร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาหรือเพื่อนร่วมงาน หรือแผนกทรัพยากรบุคคลได้ หากไม่ได้รับความเป็นธรรม 

8. สิทธิพนักงานขั้นพื้นฐาน

8.1 สิทธิพนักงานประจำทุกตำแหน่ง

  • พนักงานทุกคน ทุกตำแหน่งจะได้รับสิทธิประกันสังคม ยกเว้น พนักงานที่เป็นสัญญาจ้างชั่วคราวที่ระบุไว้ในสัญญา
  • ประกันอุบัติเหตุบริษัทเอกชน ได้รับสิทธิเมื่อผ่านทดลองงานแล้ว 
  • วันหยุดเทศกาล-ประเพณีตามปฏิทินไทย รวมถึงประกาศจากรัฐบาล 
  • โบนัสตามผลประกอบการ ปีละ 2 ครั้ง ในสิ้นเดือนมีนาคม และสิ้นเดือนกันยายน ของทุกปี 
  • กิจกรรมท่องเที่ยว การจัดงานเลี้ยงประจำปี 
  • ค่าเดินทาง
  • ค่าที่พักกรณีค้างแรม
  • ค่าสึกหรอ และค่าน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับรถยนต์ที่นำมาใช้สำหรับการปฏิบัติงานนอกสถานที่เป็นประจำ
  • ค่าผ่านทางพิเศษ
  • เงินช่วยเหลือเมื่อประสบภัยพิบัติ 
    • สำหรับพนักงานเกิดภัยพิบัติแก่บ้านพักที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นบ้านของพนักงานหรือบิดา มารดา จะได้รับเงินช่วยเหลือตามอายุงาน 
      • อายุงาน 0-1  ปี  5,000 บาท 
      • อายุงานมากกว่า 1 ปี  10,000 บาท 
      • พนักงานจะต้องยื่นเรื่องพร้อมเอกสารหลักฐานประกอบให้กับผู้บังคับบัญชาเซ็นรับรองแล้วยื่นต่อแผนกทรัพยากรบุคคล 
  • เงินช่วยเหลือเมื่อพนักงานถึงแก่กรรม 
    • พนักงานที่ผ่านการทดลองงานแล้ว และถึงแก่กรรม บริษัทฯ มอบเงินช่วยเหลือแก่ครอบครัวพนักงาน โดยคิดให้ตามอายุการทำงานของพนักงาน และเป็นเจ้าภาพให้แก่ครอบครัวพนักงาน 1 วัน 
      • อายุงาน 0-2 ปี  20,000 บาท 
      • อายุงานมากกว่า 2-4 ปี  35,000 บาท 
      • อายุงานมากกว่า 4 ปี  50,000 บาท 
  • เงินช่วยเหลืองานศพครอบครัวพนักงาน 
    • พนักงานประจำประสบเหตุการณ์ที่มีสมาชิกในครอบครัวตามสายโลหิตเสียชีวิต 
    • บิดา มารดา พี่น้องร่วมบิดา-มารดา และคู่สมรส บุตรตามกฎหมาย 
  • บริษัทจะให้เงินช่วยเหลือช่วยเหลือจำนวน 5,000 บาท 

 

 8.2 สิทธิประกันสังคมตามกฎหมาย

  • สิทธิประกันสังคมตามกฎหมาย บริษัทจะหักจากฐานเงินเดือนเป็นจำนวนเงินไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 แต่ไม่เกิน 750 บาทต่อเดือน และจ่ายสบทบเพื่อเข้ากองทุนประกันสังคมให้เป็นหลักประกันแก่ผู้ประกันได้รับประโยชน์ทดแทน เมื่อต้องประสบอันตราย เจ็บป่วย ทุพพลภาพ หรือ ตาย ซึ่งไม่ใช่เนื่องจากการทำงาน รวมถึงกรณีคลอดบุตร ชราภาพ สงเคราะห์บุตร และว่างงาน 
  • พนักงานที่มีบัตรประกันสังคมจากบริษัทฯ เดิมก่อนเข้าทำงานกับบริษัทฯ และบัตรเดิมยังไม่หมดอายุ สามารถใช้บัตรเดิมได้จนกว่าบัตรจะหมดอายุ (รายละเอียดเกี่ยวกับกองทุนประกันสังคมสามารถขอเพิ่มเติมได้ที่แผนกทรัพยากรทรัพยากรบุคคล) 
  • บริษัทจัดให้มีการใช้ประกันสังคม ตามสถานพยาบาลที่พนักงานได้เลือกไว้ 

  ​สิทธิประโยชน์จากกองทุนประกันสังคม โดยสังเขปมีดังนี้ 

สิทธิประกันสังคมกรณีเจ็บป่วย 

  • ผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิรักษาในสถานพยาบาลตามสิทธิประกันสังคมที่เลือก หากเข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาลรัฐ และเอกชนอื่นๆ ก็สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลตามสิทธิประกันสังคมหลังจากได้รับการรักษาได้ โดยแยกเป็น 2 กรณี คือ 
    • กรณีเป็นผู้ป่วยนอก (OPD) ในสถานพยาบาลรัฐ สามารถเบิกได้ตามจริง และสามารถเบิกจ่ายกรณีเข้ารักษาที่สถานพยาบาลเอกชนได้ไม่เกิน 1,000 บาท/ครั้ง 
    • กรณีเป็นผู้ป่วยใน (IPD) ในสถานพยาบาลรัฐ สามารถเบิกได้ตามจริง ยกเว้นค่าห้อง และค่าอาหาร ที่เบิกได้ไม่เกินวันละ 700 บาท และสามารถเบิกจ่ายกรณีเข้ารักษาที่สถานพยาบาลเอกชนได้ไม่เกินวันละ 2,000 บาท, ค่าห้อง และค่าอาหาร ไม่เกินวันละ 700 บาท หากมีการรักษาในห้อง ICU สามารถเบิกได้ไม่เกินวันละ 4,500 บาท และเมื่อได้รับการผ่าตัดใหญ่ จะสามารถเบิกได้ไม่เกิน 8,000-16,000 บาท 
  • นอกจากค่าสิทธิรักษาในสถานพยาบาลแล้ว ยังได้รับสิทธิในการทำทันตกรรม ไม่เกิน 900 บาท/ปี ด้วย 
    การเปลี่ยนสถานพยาบาลประกันสังคม 

สิทธิประกันสังคมกรณีสงเคราะห์บุตร

  • เมื่อจ่ายเงินสมทบ ไม่น้อยกว่า 12 เดือน หรือ 1 ปี จะได้ค่าสงเคราะห์บุตร เดือนละ 600 บาทต่อคน เป็นเวลา 6 ปี ตั้งแต่แรกเกิด จนถึงอายุ 6 ปี โดยมีการยกเว้นการจ่ายเงินสงเคราะห์ให้แก่บุตรบุญธรรม หรือบุตรที่ยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของคนอื่น ซึ่งสิทธิประกันสังคมกรณีสงเคราะห์บุตร สามารถขอใช้สิทธิได้ไม่เกิน 3 คน 

 

สิทธิประกันสังคมกรณีคลอดบุตร

  • เมื่อจ่ายเงินสมทบ ไม่น้อยกว่า 15 เดือน หรือ 1 ปี 3 เดือน จะได้รับค่าคลอดบุตร 13,000 บาท โดยสามารถเลือกใช้สิทธิได้จากฝ่ายชาย หรือหญิง ฝ่ายเดียวเท่านั้น และสามารถเบิกค่าคลอดบุตรได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง โดยผู้ประกันตนฝ่ายหญิง จะได้รับเงินสงเคราะห์จากการลาคลอด ในอัตราร้อยละ 50 ของเงินเดือน เป็นเวลา 90 วัน หรือ 3 เดือนหลังคลอด ซึ่งสิทธินี้ จะใช้ได้เมื่อคลอดลูกคนที่ 1 และ 2 เท่านั้น 

 

สิทธิประกันสังคมกรณีว่างงาน

  • หากผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบเป็นนานกว่า 6 เดือน สามารถลงทะเบียนในเว็บไซต์ กรมการจัดหางาน ของรัฐ ภายใน 30 วัน ตั้งแต่ออกจากงาน จะได้รับเงินทดแทนการว่างงาน ร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ย (ค่าจ้างสูงสุด 15,000 บาท) ในระยะเวลาสูงสุดไม่เกิน 3 เดือน/ปี 

 

สิทธิประกันสังคมกรณีทุพพลภาพ

  • เมื่อจ่ายเงินสมทบ ไม่น้อยกว่า 3 เดือน ผู้ประกันตนจะได้รับการดูแลในเรื่องการรักษาพยาบาล เงินชดเชยรายได้ เงินบำเหน็จ เมื่อสูญเสียสมรรถภาพของอวัยวะของร่างกาย หรือจิตใจ ทำให้ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายเดือน (ค่าจ้างสูงสุด 15,000 บาท) ตลอดชีวิต 

 

สิทธิประกันสังคมกรณีเสียชีวิต

  • ครอบครัว หรือทายาทของผู้ประกันตนจะได้เงินสงเคราะห์ และค่าทำศพ 40,000 บาท เมื่อแสดงหลักฐานจากฌาปนสถาน สำเนาใบมรณะบัตร และสำเนาบัตรประชาชนของคนในครอบครัว กับสำนักงานประกันสังคม เมื่อผู้เสียชีวิตเคยจ่ายเงินสมทบในกองทุนประกันสังคมนานกว่า 1 เดือน 

 

สิทธิประกันสังคมกรณีชราภาพ

  • กรณีบำนาญชราภาพ 
    • สำหรับผู้ประกันตนที่มีอายุ 55 ปี และจ่ายเงินสมทบมานานกว่า 180 เดือน หรือ 15 ปี จะได้รับเงินบำนาญชราภาพรายเดือน ในอัตราร้อยละ 20 ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย (ค่าจ้างสูงสุด 15,000 บาท) และหากจ่ายเงินสมทบเกิน 180 เดือน หรือ 15 ปี จะได้เงินบำนาญชราภาพรายเดือนเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อการจ่ายเงินสมทบทุกๆ 12 เดือน 
  • กรณีบำเหน็จชราภาพ 
    • สำหรับผู้ประกันตนที่มีอายุ 55 ปี และมีการจ่ายเงินสมทบ 12 เดือนขึ้นไป หรือ 1 ปี จะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพ ตามจำนวนเงินที่จ่ายเข้าประกันสังคม พร้อมทั้งเงินสมทบจากนายจ้าง และผลตอบแทนจากกองทุนประกันสังคม แต่หากมีการจ่ายเงินสมทบต่ำกว่า 1 ปี จะได้รับเพียงเงินที่ตัวเองจ่ายเงินสมทบเท่านั้นแต่ละสิทธิประกันสังคมสามารถขอเบิกได้กับทางสำนักประกันสังคมด้วยการเขียนแบบคำรับขอประโยชน์ทดแทนกองทุนประกันสังคม (สปส.2-01) พร้อมเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องในการเบิกจ่าย และสำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร เพื่อรับเงินที่ผู้ประกันตนจะได้รับ 

 

 

8.3 สิทธิประโยชน์จากกองทุนทดแทน

  • กรณีเจ็บป่วย 
    • ค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นไม่เกิน 35,000 บาท ต่อการเจ็บป่วยหรือประสบอันตราย 1 ครั้ง หากเกินเบิกเพิ่มได้ตามเกณฑ์ที่กำหนดในกฏกระทรวงอีกไม่เกิน 200,000 บาท 
    • ค่าทดแทนรายเดือนในอัตรา 60 % ของค่าจ้าง หากแพทย์ให้หยุดพักรักษาตัวติดต่อกันเกิน 3 วัน แต่ไม่เกิน 1 ปี 
  • ค่าทดแทน 
    • กรณีไม่สามารถทำงานติดต่อกันเกิน 3 วันขึ้นไปแต่ไม่เกิน 1 ปี (60% ของค่าจ้างรายเดือน) 
    • กรณีสูญเสียอวัยวะบางส่วน (60% ของค่าจ้างรายเดือน ไม่เกิน 10 ปี) 
    • กรณีทุพพลภาพ (60% ของค่าจ้างรายเดือน ไม่เกิน 15 ปี) 
    • กรณีตาย/สูญหาย (60% ของค่าจ้างรายเดือน 8 ปี) 
    • ค่าทำศพ (100 เท่าของอัตราสูงสุดของค่าจ้างขั้นต่ำรายวัน) 
    • ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงาน (ฟื้นฟูด้านอาชีพ - ด้านการแพทย์ - กระบวนการบำบัดและผ่าตัด - ค่าวัสดุและอุปกรณ์ รวมสูงสุด 358,000 บาท) 

 

 

8.4 สิทธิค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและค่าสึกหรอยานพาหนะ

  • พนักงานที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ยานพาหนะส่วนตัวในการทำงานนอกเหนือจากการเดินทางมาทำงานตามปกติ จะได้รับค่าสึกหรอยานพาหนะได้โดยมีเงื่อนไขและในอัตราต่อไปนี้ 
    • พนักงานจะต้องมีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ และไม่หมดอายุ 
    • รถยนต์ที่พนักงานนำมาใช้ในบริษัทจะต้องทำประกันภัยไม่ต่ำกว่าประกันภัยประเภท 3 และพรบ. คุ้มครองบุคคลที่ 3 พร้อมถ่ายสำเนากรมธรรม์ให้กับบริษัทฯ 
    • กรณีที่เกิดอุบัติเหตุจากการขับขี่ของพนักงานระหว่างการปฏิบัติงาน ทางบริษัทฯ จะถือเป็นความรับผิดชอบของพนักงาน และจะไม่ชดใช้ค่าเสียหายใดๆ 
  • รถจักรยานยนต์ซึ่งไม่สามารถทำประกันภัยได้ ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุจากการขับขี่ของพนักงานระหว่างการปฏิบัติงาน ทางบริษัทจะถือเป็นความรับผิดชอบของพนักงานเอง และจะไม่ชดใช้ค่าเสียหายใดๆ  ดังนั้นบริษัทแนะนำให้พนักงานทำประกันภัยประเภท 1 
  • พนักงานจะต้องดูแลสภาพรถยนต์/จักรยานยนต์อยู่ให้อยู่ในสภาพดีพร้อมใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปกรณ์ด้านความปลอดภัย 
  • พนักงานตำแหน่งเจ้าหน้าที่ขาย ไม่สามารถเบิกค่าเดินทางได้แต่ยังคงได้รับสิทธิในการเบิกค่าที่พักแรม 
  • พนักงานมีสิทธิเบิกค่าเชื้อเพลิงรวมค่าสึกหรอรถยนต์ (เป็นไปตามอัตราค่าสวัสดิการ) 
  • พนักงานจะต้องวางแผนการใช้ยานพาหนะของตน โดยสามารถเว้นการนำยานพาหนะนั้นมาที่ทำการของบริษัทฯ ได้ แต่เมื่อบริษัทฯ มีคำสั่งให้ปฏิบัติงานนอกสถานที่ พนักงานจะต้องปฏิบัติและไม่สามารถอ้างว่าไม่ได้นำรถยนต์มาโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร 
  • บริษัทขอสงวนสิทธิในการยกเลิกสวัสดิการนี้ แต่จะแจ้งให้พนักงานทราบก่อนล่วงหน้าเป็นเวลาอย่างน้อย 60 วัน 

 

อัตราค่าสวัสดิการด้านค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและค่าสึกหรอ

  • พนักงานนำรถยนต์ส่วนตัวมาใช้เพื่อการทำงานบริษัทให้กับบริษัทจะสามารถเบิกค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและสึกหรอของรถยนต์ 
    • ในอัตรา 5 บาท/กม. (ค่าน้ำมัน 3 บาท/กม. และค่าสึกหรอ 2 บาท/กม.) 
    • โดยอาจมีการปรับเปลี่ยนตามราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 
  • พนักงานนำจักรยานยนต์ส่วนตัวมาใช้ในการทำงานบริษัทไม่มีนโยบายจะให้ค่าสึกหรอของจักรยานยนต์ส่วนตัวที่มาใช้ในงาน 
  • กรณีที่มีการใช้งานรถยนต์เพื่อการทำงานเร่งเด่นและจำเป็นซึ่งมีค่าใช้จ่ายน้ำมัน และไม่ได้เสนอมาให้กับบริษัทในแผนงาน ให้พนักงานสำรองจ่ายค่าใช้จ่ายนั้นก่อนจากนั้นให้มาขออนุมัติเบิกคืนภายหลัง


 8.5 สิทธิค่าเดินทาง

  • พนักงานสามารถเบิกค่าเดินทางสำหรับไปอบรมได้ 
    • ไปอบรมโดยบริษัทกำหนด  สามารถเบิกค่าเดินทางได้ 
    • ค่าเดินทาง = เบิกได้ ตามจริงตามดุลพิจารณาของหัวหน้า 
    • ค่าเบี้ยเลี้ยง = เบิกได้วันละ  200 บาท 
  • ไปอบรมเองส่วนตัว ไม่สามารถเบิกได้และต้องใช้วันลา 
    • ค่าเดินทาง = ไม่ได้ 
    • ค่าเบี้ยเลี้ยง = ไม่ได้ 
  • พนักงานสามารถเบิกค่าเดินทางสำหรับไปทำงานได้ดังนี้ 
    • ค่าเดินทาง = เบิกได้ ตามจริงตามดุลพิจารณาของหัวหน้า 
    • ค่าเบี้ยเลี้ยง = เบิกได้วันละ 200 บาท ในการเดินทางเกินรัศมี 60 กิโลเมตรจากสำนักงาน/สถานประกอบการ ที่ประจำการ 
  • เจ้าหน้าที่ขายทุกตำแหน่ง และพนักงานส่งสินค้าจะไม่ได้รับสิทธินี้ เพราะถือว่าเป็นหน้าที่ตามสัญญาจ้างงาน 

 

8.6 สิทธิค่าผ่านทางพิเศษ

  • บริษัทมีกล่อง Easy pass เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทาง 
  • ท่านใดเดินทางไปทำงานโดยไม่ใช้กล่อง Easy pass ของบริษัท บริษัทจะไม่จ่ายเงินสำรองให้ทุกกรณี 

ข้อปฏิบัติ

    • รวบรวมกล่องไว้ที่หัวหน้างานธุรการอาวุโส 
    • เขียนเบิกกล่อง Easy pass ทุกครั้งที่จะนำไปใช้งาน 
    • เมื่อใช้เสร็จให้นำมาคืนพร้อมทั้งเขียนระบุจำนวนเงินคงเหลือให้เรียบร้อยภายใน 2 วันนับจากวันที่ใช้เสร็จ 
    • หากท่านใดไม่เขียนระบุจำนวนคงเหลือและกระทำการเช่นเดิม 2 ครั้ง 
      • ให้ตัดสิทธิในการใช้กล่อง Easy pass ของท่านนั้นทันที 1 ปีปฏิทิน 
      • ให้หัวหน้าออกใบเตือน 
    • จำนวนคงเหลือไม่ถึง 300 บาท ให้ดำเนินการแจ้งทันทีและทำเรื่องเบิกเพื่อนำไปเติมครั้งถัดไป 
    • การเติมเงินให้เติมครั้งละ 1,500 บาท โดยต้องได้ใบกำกับภาษีอย่างถูกต้องเท่านั้น 
    • หากไม่ได้ใบกำกับภาษีอย่างถูกต้อง ให้ออกใบเตือนสำหรับพนักงานท่านนั้นโดยทันที 
    • หากจำนวนคงเหลือไม่เพียงพอและได้ทำการสำรองจ่ายไป จะไม่สามารถเบิกเงินสำรองจ่ายได้ 
    • กรณีทำกล่อง Easy pass สูญหาย ให้พนักงานท่านนั้นรับผิดชอบตามมูลค่าเงินคงเหลือในกล่อง Easy pass ภายในเวลา 7 วันนับตั้งแต่วันที่สูญหาย 
    • กล่อง Easy pass ของส่วนตัวไม่นำมาเบิกเงินคืนได้ 
    • กรณีเข้าพบลูกค้าด่วน แล้วไม่ได้เบิกกล่อง Easy pass ติดตัวไปด้วย 
      •  ให้เขียนใบเบิกเงินสดกองย่อยและใบเสร็จพร้อมทั้งมีลายเซ็นของหัวหน้างานเท่านั้น 
      • ให้หัวหน้าสำรองเงินจ่ายให้กับพนักงานไปก่อน บริษัทจะจ่ายเงินคืนที่สำรองจ่ายออกไปให้ตามรอบจ่าย

 

8.7 สิทธิชุดแบบฟอร์ม

  • ชุดแบบฟอร์มที่ทางบริษัทจัดหาให้จะได้รับท่านละ 2 ชุดต่อปี เมื่อถูกแต่งตั้งเป็นพนักงานประจำแล้ว 
  • หากปีใดไม่ได้มีการจัดทำชุดฟอร์มใหม่ ในปีนั้นพนักงานก็จะไม่ได้รับ 
  • ไม่สามารถเบิกเกินจำนวนที่บริษัทจัดหาไว้ให้ 
  • สามารถซื้อเพิ่มเติมได้ในราคาต้นทุน โดยแจ้งกับแผนกทรัพยากรบุคคลล่วงหน้า 

 

8.8 สิทธิค่าปรับจราจร

  • บริษัทสนับสนุนให้พนักงานปฏิบัติตามกฏหมายดังนั้นบริษัทฯไม่อนุญาตให้นำใบสั่งปรับของพนักงานจราจรมาเบิกกับบริษัทไม่ว่ากรณีใดๆ 

 

8.9 สิทธิรถประจำตำแหน่ง

  • บริษัทยังไม่มีนโยบายมอบรถประจำตำแหน่งให้พนักงาน 

 

8.10 สิทธิค่าที่พักแรม

  • กรณีที่ต้องมีการค้างคืนพักแรมพนักงานสามารถเบิกได้ในอัตราดังต่อไปนี้ 
    • ค่าที่พักสูงสุด 800 บาทต่อคืน/คน หากเกินกว่านั้นพนักงานต้องเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนค่าใช้จ่ายที่เกินเอง และต้องออกใบกำกับภาษีในนามบริษัทเต็มรูปแบบ 
      • ข้อปฏิบัติของใบกำกับภาษี 
        • ไม่มี ถือเป็นรายได้ของพนักงาน ต้องถูกนำไปคำนวณภาษีปลายปีด้วย 
          • ให้ลดค่าที่พักสูงสุดเป็น 400 บาทต่อคืน / คน 
        • มีและไม่ได้เปิดในนามบริษัท ถือเป็นรายได้ของพนักงานต้องถูกนำไปคำนวณภาษีปลายปีด้วย 
        • มีและเปิดในนามบริษัท  งดเว้นการหักภาษีเงินได้ตามจำนวนเงินที่ระบุในใบกำกับภาษีนั้น 

ตัวอย่างการเบิกค่าที่พักแรม 

    • พนักงาน 2 คน พักห้องเดียวกันคืนละ 1,500 บาท สามารถนำมาเบิกได้คนละ 750 บาท 
    • พนักงาน 2 คน พักห้องเดียวกันคืนละ 2,000 บาท สามารถนำมาเบิกได้คนละ 800 บาท ส่วนต่าง 400 บาท พนักงานจ่ายเอง 
    • พนักงาน 3 คน  พักห้องเดียวกันปกติคืนละ 1,500 บาท ทางโรงแรมคิดเตียงเสริม 400 บาท สามารถนำมาเบิกได้คนละ 633.33 บาท (มาจาก 1,900÷3) 

 

8.11 สิทธิใช้งานอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล

  • พนักงานที่ต้องการใช้อุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล มีข้อกำหนดดังนี้ 
    • เสื้อเรืองแสง หมวกนิรภัยสามารถยืมได้ และตั้งแต่ ม.ค. 2564 เป็นต้นไปจะไม่มีการซื้อเพิ่มเติมให้พนักงานจัดหาเอง 
    • รองเท้านิรภัย สามารถนำบิลมาเบิกได้ไม่เกิน 500 บาท 
    • พนักงานสามารถเสนอจัดซื้ออุปกรณ์ป้องกันภัยเพื่อการใช้งานเป็นรายเฉพาะบุคคลได้โดยบริษัทขอสงวนสิทธิ ในการพิจารณาจัดซื้ออุปกรณ์ดังกล่าวตามความสมควร 

 

8.12 สิทธิรักษาพยาบาล

  • เป็นไปตามสิทธิกองทุนทดแทนและตามสิทธิประกันสังคม 

 

8.13 สิทธิทำฟัน / การรักษาเกี่ยวกับดวงตา

  • ยังไม่มีนโยบายให้สวัสดิการค่าทำฟันและรักษาเกี่ยวกับดวงตา 


8.14 สิทธิประกันภัยส่วนบุคคล

  • บริษัทจัดทำการประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลแบบกลุ่มให้ โดยพนักงานทุกคนจะได้รับการประกันตามแผนการประกันตามที่ บริษัทฯ ได้จัดให้โดยมีบริษัทประกัน 2 บริษัท
    • ​ประกัน AIA
    • ประกัน TMB Payroll
  • ผลประโยชน์และความคุ้มครองสามารถอ่านขอเพิ่มเติมได้ที่ผู้จัดการฝ่ายบุคคล
  • กรมธรรม์การเข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลและการผ่าตัดแบบกลุ่มซึ่งจะรวมถึงความคุ้มครองในส่วนของห้องพักในโรงพยาบาล, ค่าธรรมเนียมในการผ่าตัด, การตรวจเอ็กซ์เรย์และการทดสอบจากห้องทดลอง 
  • การประกันอุบัติเหตุกลุ่มเกี่ยวกับการเสียชีวิต และความบกพร่องทางร่างกายส่วนบุคคล 
  • ข้อตกลงและเงื่อนไขต่างๆ ของกรมธรรม์ ซึ่งมีผลบังคับใช้ต่อการเรียกร้องต่างๆ ภายใต้กรมธรรม์นั้น จะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของบริษัทฯ แต่เพียงผู้เดียว 

 

8.15 สิทธิค่าตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลา

  • ให้ดูที่สิทธิขั้นพื้นฐาน (เกณฑ์ทำงานล่วงเวลาและทำงานในวันหยุด) 

 

8.16 สิทธิค่าโทรศัพท์มือถือ

  • แบบรายเดือน  บริษัทดำเนินการจัดหาโปรโมชั่นให้ตามความเหมาะสม มีข้อกำหนดดังนี้ 
    • ในทำงานทางบริษัทจะรับผิดชอบค่าโทรศัพท์มือถือเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 1,000 บาทต่อเดือน 
    • หากยอดค่าโทรศัพท์เกินกว่านั้นเจ้าหน้าที่ขายจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเอง 
    • หากไม่รับผิดชอบทางบริษัทจะทำการหักค่าส่วนเกินผ่านบัญชีเงินเดือนและคิดค่าดำเนินการ 500 บาท / ครั้ง 
  • ยกเว้นในกรณีที่ค่าโทรศัพท์ในเดือนนั้นๆ มีจำนวนสูงกว่า 1,000 บาท อันเนื่องมาจากการโทรในการปฏิบัติหน้าที่ (ตรวจสอบโดยผู้บังคับบัญชา/หัวหน้างาน) จำนวนเงินส่วนที่เกินมานี้จะสามารถทำการเบิกได้โดยผ่านการอนุมัติของผู้จัดการแผนก 
  • บริษัทจะต้องจัดหาเบอร์โทรศัพท์และโทรศัพ์ให้ดังนี้ 
    • เจ้าหน้าที่ขายทุกคน 
    • เจ้าหน้าที่จัดซื้อทุกคน 
    • เจ้าหน้าที่บัญชี
    • เจ้าหน้าที่จัดส่ง เดือนละไม่เกิน 500 บาท 
  • แบบเติมเงิน มีข้อกำหนดดังนี้ 
    • สำหรับเบอร์ที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย 
    • สำหรับเบอร์ที่มีการโทรน้อย 
    • ได้ไม่เกินเดือนละ 500 บาท 
    • มีให้สำหรับทุกแผนกและให้หัวหน้าเป็นผู้ดำเนินการจัดหาเบอร์ 

ข้อปฏิบัติ

  • พนักงานทุกตำแหน่งจะต้องใช้เบอร์โทรศัพท์ของบริษัทที่มอบให้เท่านั้น 
  • ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้บังคับบัญชา และผู้จัดการแผนก ในการปฏิบัติให้สอดคล้องตามระเบียบปฏิบัติ 
  • การเบิกเงินค่าโทรศัพท์มือถือนั้นจะต้องทำการเบิกเดือนต่อเดือนและบริษัทฯจะไม่รับผิดชอบในบิลค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งมีระยะเวลามากกว่า 1 เดือน 

 

8.17 สิทธิเบี้ยเลี้ยงค่าเครื่องโทรศัพท์

  • บริษัทจัดหาโทรศัพท์ให้ตามความเหมาะสม 
  • ไม่มีเงินค่าเบี้ยเลี้ยงสำหรับเครื่องโทรศัพท์


8.18 สิทธิเงินได้พิเศษประจำปี

  • การพิจารณาจ่ายเงินได้พิเศษ จำนวนที่จะจ่ายบริษัทจะพิจารณาปีต่อปีจากผลประกอบการของบริษัทผลงานของหน่วยงานที่พนักงานสังกัด และผลงานของพนักงานแต่ละคน 

9. สิทธิการลา

9.1 สิทธิการมาสาย และการขาดงาน

  • การมาสาย คือ การมาทำงานและลงเวลาบันทึกเข้าทำงาน (สแกนนิ้ว) ตามเวลาเข้างานปกติ
  • การมาสายนั้นมีเหตุไม่สมควร หัวหน้าสามารถพิจารณาเป็นขาดงานได้ 
  • การขาดงานมีผลต่อการพิจารณาปรับค่าจ้างประปี 
  • หัวหน้าสามารถปรับเวลาเข้างานได้ หากเกิดเหตุที่จำเป็นและเหมาะสม พร้อมทั้งให้ลงข้อมูลใน Odoo หากมาสายโดยเหตุสุดวิสัย ให้แจ้งหัวหน้าให้ปรับเวลาเข้างาน
  • การขาดงาน คือ การละทิ้งหน้าที่ หรือการหยุดงานโดยไม่มีการแจ้ง หรืออนุมัติจากหัวหน้างาน หรือแผนกทรัพยากรบุคคลรับทราบ มีข้อกำหนดดังนี้ 
  • จะไม่ได้รับค่าจ้างในวันนั้น  
  • ในแต่ละปีจะมีการเก็บรวมรวมสถิติการขาดงาน  
  • มีผลกับการประเมินผลการปรับค่าจ้างประจำปี 
  • การขาดงานดังกล่าวมีกำหนดเป็นไปตามระเบียบ โดยใช้รอบปีปฏิทินในการนับวันขาดงานดังนี้ 

จำนวนวันขาดงาน 

บทลงโทษ 

1 วัน 

 ตักเตือน , ไม่ได้รับค่าจ้าง 

2 วัน 

 ใบเตือน , ไม่ได้รับค่าจ้าง 

3 วัน 

 พักงาน , ไม่ได้รับค่าจ้าง 

4 วัน 

 ไล่ออก 

 

 

3 วันติดต่อกัน 

 ไล่ออก 

หมายเหตุ :ไม่มีเหตุผลอันสมควรไม่ได้เฉพาะเหตุผลที่หยุดงาน แต่มองถึงพนักงานนั้นสามารถแจ้งเหตุการหยุดงานได้หรือไม่ เช่น หากพนักงานหายไป วันนั้นเนื่องจากญาติป่วยต้องไปเฝ้าที่โรงพยาบาล แต่ไม่มีการแจ้งใดๆมาทางบริษัท ถือว่าเหตุผลนั้นไม่สมควร 

9.2 สิทธิขอออกนอกสถานที่

  • ยกเลิกสิทธิ์ข้อนี้ ตั้งแต่มีผลประกาศใช้กฎข้อบังคับฉบับนี้ 
  • ให้ใช้สิทธิ์ลาไม่รับค่าจ้าง , ลากิจ 

 

9.3 สิทธิลาพักร้อน

  • พนักงานทุกคนมีสิทธิลาที่ได้รับการจ่ายเงินดังที่ระบุไว้ในสัญญาของการว่าจ้างงานโดยจำนวนวันลาที่จะได้รับนั้นจะขึ้นกับจำนวนของเดือนที่ผ่านการทำงาน ปีของการลานั้นจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมและสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม โดยมีข้อกำหนดดังนี้ 
    • อายุงาน 1 ปี ลาได้ 6 วันต่อปี 
    • สำหรับพนักงานที่เข้ามาระหว่างปีให้ไปทบวันลาเฉลี่ยกับปีถัดไป 

​ตัวอย่าง

      • เริ่มทำงาน เดือน เมษายน 2563 ผ่านงาน  เดือน กรกฎาคม 2563 
      • ดังนั้น
        • ลาพักร้อนปี 2563 คือ 4.5 วัน เริ่มใช้ได้เดือน สิงหาคม 63
        • ลาพักร้อนปี 2564 คือ 6 วัน 

​ตัวอย่าง 2

      • เริ่มงานเดือน ตุลาคม 2563 ผ่านงานเดือน มกราคม 2564 
      • ดังนั้น
        • ลาพักร้อน 2563 คือ 0 วัน
        • ลาพักร้อน 2564 คือ 6 วัน + 1.5 วัน 
    • อายุงาน 2 ปี ลาได้ 6 วันต่อปี 
    • อายุงาน 3 ปี ลาได้ 8 วันต่อปี 
    • อายุงาน 4 ปี ลาได้ 10 วันต่อปี 
    • อายุงาน 5 ปี ลาได้ 12 วันต่อปี 
    • อายุงาน 6 ปีขึ้นไป ลาได้ 14 วันต่อปี 

ข้อปฏิบัติ

  • บริษัทไม่คืนวันลาพักร้อนเป็นเงิน 
  • วันลาพักร้อนไม่สามารถสะสมในปีถัดไป 
  • สามารถใช้วันลาพักร้อนสูงสุดรวมวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์แล้ว ไม่เกิน 10 วัน 
  • วันลาพักร้อนโอนให้กับคนอื่นไม่ได้ 
  • สามารถสลับวันลาพักร้อนได้ในแผนกเดียวกันเท่านั้น โดยได้รับการอนุมัติจากหัวหน้าเท่านั้น 

 

ข้อปฏิบัติการแจ้งกำหนดการลาพักร้อน

    • กรณีปกติ ให้แจ้งตามกำหนดการล่วงหน้า 1 เดือนภายในวันที่ 10 ของทุกเดือนลงในระบบ Odoo 

ตัวอย่าง

        • ต้องการลาช่วงวันที่ 1-30 พ.ย. ต้องแจ้งภายในวันที่ 1-10 ต.ค. นอกเหนือจากนั้นจะต้องใช้สิทธิการลาในเดือนถัดไป 
    • กรณีพิเศษ เช่น  ได้รับรางวัลจากการเสี่ยงโชค , สิทธิพิเศษที่ไม่สามารถคาดเดาได้ล่วงหน้า 
      • แจ้งกับทางหัวหน้าเพื่อเปลี่ยนแปลงวันลาพักร้อนและหัวหน้าเป็นผู้อนุมัติ 
      • แสดงเอกสารที่เกี่ยวข้องกับรางวัล / สิทธิพิเศษ 

 

 

9.4 สิทธิลารับปริญญาบัตร

  • บริษัทกำหนดให้การลาเพื่อรับปริญญาบัตรให้เป็นดังนี้ 

ประเภทพนักงาน 

สิทธิการลา 

พนักงานประจำ 

ลากิจ , ลาพักร้อน , ลาไม่รับค่าจ้าง 

พนักงานทดลองงาน 

ลาไม่รับค่าจ้าง 

พนักงานสัญญาจ้าง 

ลาไม่รับค่าจ้าง 

 

9.5 สิทธิลาเพื่อทำหมัน

  • พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 33 บัญญัติว่า ให้ลูกจ้างมีสิทธิลาเพื่อทำหมันได้และมีสิทธิลาเนื่องจากการทำหมันตามระยะเวลาที่แพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งกำหนดและออกใบรับรองซึ่งลูกจ้างมีสิทธิลาโดยได้รับค่าจ้างได้เท่าที่แพทย์ระบุและออกใบรับรองให้ 

 

9.6 สิทธิลาเพื่อรับราชการทหาร

ข้อปฏิบัติ

  • การลาเพื่อรับราชการทหาร มาตรา 35 ให้ลูกจ้างมีสิทธิลาเพื่อรับราชการทหารในการเรียกพลเพื่อตรวจสอบเพื่อฝึกวิชาทหารหรือเพื่อทดลองความพรั่งพร้อมตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร   
  • ลูกจ้างมีสิทธิลาเพื่อไปรับราชการทหาร เป็นสิทธิของลูกจ้างโดยเฉพาะไมใช่อํานาจของนายจ้างที่จะพิจารณากําหนด   
  • มิใช่ลูกจ้างมีสิทธิแล้วจะขอลาได้เลย ลูกจ้างจะลาได้ก็ต่อเมื่อมีเหตุทางการรับราชการทหารเท่านั้น และจะต้องมีหลักฐานทางราชการทหารมาแสดงต่อนายจ้างด้วย   
  • เพื่อรับราชการทหารเป็นการเฉพาะทหาร การเรียกพลเพื่อตรวจสอบเพื่อฝึกวิชาทหารการเรียกพลเพื่อทดลองความพลั่งพร้อมเท่านั้น การเกณฑทหารนั้นไม่ก่อให้เกิดสิทธิการลาตามมาตรานี้  
  • กําหนดลาเพื่อราชการทหารเท่าจํานวนวันที่กระทรวงกลาโหมกําหนด จะลาทุกครั้งที่ กระทรวงกลาโหมเรียกและไม่ว่าปีนั้นลูกจ้างจะเคยมามาแล้วหรือไม่ประการใด  
  • ค่าจ้างการลาเพื่อรับราชการทหาร มาตรา 58 ให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างในวันลาเพื่อรับราชการทหารตามมาตรา 35 เท่ากับค่าจ้างในวันทํางานตลอดระยะเวลาที่ลาแต่ปีหนึ่งต้องไม่เกิน 60 วัน   
  • จะเป็นระยะเวลาครั้งละกี่วันและในหนึ่งปีจะเป็นการเรียกหลายครั้งก็ตามมีสิทธิได้รับค่าจ้างทุกครั้งที่ถูกเรียก   
  • ปีหนึ่งต้องไม่เกินค่าจ้างสําหรับการไปรับราชการทหารนั้น 60 วันเท่านั้น ส่วนที่เกินกําหนด 60 วันนั้นนายจ้างจะจ่ายให้ลูกจ้างหรือไม่เป็นเรื่องของนายจ้าง 
  • การลาเพื่อตรวจเลือกและเขารับราชการทหารประจําปี การไปรับราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหารเมื่อครบกําหนดแล้วปลดออกแล้ว ขอกลับเขาทํางานนายจ้างไม่รับกลับไม่เป็นการเลิกจ้าง


9.7 สิทธิลาเพื่อการฝึกอบรม

  • ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน ฯ มาตรา 36 บัญญัติให้สิทธิลูกจ้างลาเพื่อฝึกอบรมและพัฒนาความรู้ความสามารถของตนได้ โดยบัญญัติว่า “ให้ลูกจ้างมีสิทธิลาเพื่อการฝึกอบรมหรือพัฒนาความรู้ความสามารถตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง” 
  • กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับสิทธิลาเพื่อการฝึกอบรมหรือพัฒนาความรู้ความสามารถของลูกจ้าง ไว้ได้ดังนี้

วัตถุประสงค์ของการลา

    • ลูกจ้างมีสิทธิลาเพื่อฝึกอบรมหรือพัฒนาความรู้ความสามารถ รวมถึงการฝึกอบรมหรือพัฒนาเกี่ยวกับทักษะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน   โดยต้องมีโครงการหลักสูตรและกำหนดวันเวลาที่แน่นอนชัดเจน  
    • การสอบวัดผลทางการศึกษาที่ทางราชการจัดหรืออนุญาตให้จัดขึ้น เช่น การศึกษาหลักสูตรการศึกษานอกโรงงาน หรือเรียนตามมหาวิทยาลัยเปิดต่าง ๆ เมื่อทางสถาบันการศึกษาดังกล่าวจัดสอบลูกจ้างมีสิทธิลาไปสอบได้ 
    • กฎหมายกำหนดให้ลูกจ้างลาไปเพื่อการทดสอบหรือวัดผลทางการศึกษาเท่านั้น ลูกจ้างจะใช้สิทธิลาเพื่อไปเรียนตามมาตรานี้ไม่ได้   แต่หากนายจ้างจะส่งเสริมหรือให้การสนับสนุนก็สามารถทำได้ 

ข้อปฏิบัติ

    • ต้องแจ้งให้นายจ้างทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน โดยระบุถึงเหตุที่ลาโดยชัดแจ้ง  
    • นำหลักฐานเกี่ยวกับการขอลา 
    • ไม่ว่ากรณีใด ๆ นายจ้างอาจไม่อนุญาตให้ลูกจ้างลาเพื่อฝึกอบรมหรือพัฒนาความรู้ ถ้าพนักงานได้รับอนุญาตให้ลาเพื่อฝึกอบรมมาแล้วในปีนั้น รวม 30 วันหรือลามาแล้ว 3 ครั้ง การลานั้นอาจเกิดความเสียหายแก่การประกอบธุรกิจของนายจ้าง  นายจ้างพิสูจน์ได้ว่าการใช้สิทธิลาของลูกจ้าง จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่การประกอบธุรกิจของนายจ้าง กฎหมายให้สิทธินายจ้างปฏิเสธไม่ให้พนักงานลาเพื่ออบรมได้   เช่น ทำงานตำแหน่งสำคัญ หากหยุดไปงานสะดุดหรือเสียหาย  หรืองานเร่งด่วนขาดคนไม่ได้ต้องทำงานต่อเนื่อง เป็นต้น 
  • บริษัทจะไม่จ่ายเงินค่าจ้างให้กับพนักงานที่ลาฝึกอบรม (ลาไม่รับค่าจ้าง) 

 

9.8 สิทธิลากิจ

  • พนักงานสามารถลากิจได้โดยจ่ายเงินเต็มจำนวนเป็นจำนวน 8 วันของปีปฏิทิน 
  • การลากิจขึ้นอยู่กับเอกสารรับรอง เช่นใบสูติบัตร, ใบมรณะบัตร เป็นต้น บริษัทจะยึดจำนวนของวันลากิจดังต่อไปนี้ 
    • การตายของสมาชิกในครอบครัว (สามี, ภรรยา, บุตรที่ถูกต้องตามกฎหมาย, บิดามารดา, บิดามารดาในกฎหมาย, พี่น้องและปู่ย่าตายาย) 2 วัน 
    • การรลาเมื่อภรรยาคลอดบุตร (ภรรยาคนแรกตามกฎหมายเท่านั้น) 2 วัน 
    • การแต่งงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายครั้งแรก 2 วัน 
  • การลากิจจะไม่ได้รับการสะสมหรือยกยอดไปปีถัดไป 
  • การลากิจจะต้องมีความสอดคล้องกับวันที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นจริงและในกรณีที่ไม่ได้ลาในวันดังกล่าวจะต้องทำการลาในวันถัดไป 
  • ลงระบบ Odoo การขอลางานก่อนวันลา 3 วัน 
  • พนักงานจะได้รับอนุญาติให้ลากิจได้ต่อเมื่อได้รับการอนุมัติจากผู้บังคับบัญชาเท่านั้น 
  • ต้องระบุสถานที่หรือเรื่องที่จะลากิจ หากไม่ระบุหัวหน้างานมีสิทธิที่จะไม่อนุมัติให้ลาได้ 

​ข้อปฏิบัติ

    • กรณีปกติ
      • แจ้งหัวหน้า 
      • ลงข้อมูลในระบบ Odoo 
      • แนบรูปถ่ายของสถานที่ที่ไป 
    • กรณีฉุกเฉิน
      • แจ้งหัวหน้าและHR ทาง Line เวลาไม่เกิน 10.00 น.  
      • ลงข้อมูลในระบบ Odoo ย้อนหลังได้ไม่เกิน 3 วัน 
      • แนบรูปถ่ายของสถานที่ที่ไป 
      • หากเกินจาก 3 วันถือเป็นการขาดงาน 
    • การลาต่อไปนี้ ไม่ถือเป็นการลากิจ 
      • ลาไปจับทหาร (ข้อ 4.2.6) 
      • สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากภาคผนวก 

                 

9.9 สิทธิลาบวช

ข้อปฏิบัติ

  • พนักงานเพศชายจะมีสิทธิที่จะขอลาบวช (ครั้งแรกเท่านั้น) ได้เป็นระยะเวลา 15 วัน (รวมวันหยุดและวันหยุดสาธารณะต่างๆ)  หากเกินให้พนักงานใช้สิทธิลาไม่รับค่าจ้าง 
  • ลาได้สูงสุดเป็นระยะเวลา 90 วัน เกินจากนี้ถือเป็นการผิดสัญญาจ้าง 
  • ต้องส่งแบบฟอร์มการขอลางานให้กับผู้บังคับบัญชาก่อนวันที่จะทำการลาเป็นระยะเวลา 30 วัน 
  • พนักงานจะได้รับอนุญาติให้ลาบวชได้ต่อเมื่อได้รับการอนุมัติจากผู้บังคับบัญชาเท่านั้น 
  • ลาบวชชี , ปฏิบัติธรรม = ไม่มี ให้ใช้สิทธิลาพักร้อนหรือสิทธิลาไม่รับค่าจ้าง 

 

9.10 สิทธิลาคลอด

ข้อปฏิบัติ

  • พนักงานเพศหญิงที่ตั้งครรภ์จะมีสิทธิที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆจากการตั้งครรภ์ตามที่ระบุไว้ในบทที่ 6 ของ พระราชบัญญัติการจ้างงาน พ.ศ. 2541 (19 สิงหาคม 2541) สาระสำคัญของพระราชบัญญัติดังกล่าวจะมีดังต่อไปนี้ 
    • ถ้าพนักงานมีคุณสมบัติที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆจากการตั้งครรภ์แล้วนั้น พนักงานจะมีสิทธิที่จะทำการลาคลอดได้สูงสุด 98 วัน (รวมวันหยุดและวันหยุดสาธารณะต่างๆ) สำหรับการคลอดบุตรในแต่ละครั้ง 
    • การลาคลอดนี้สามารถที่จะลาได้ ณ ช่วงเวลาใดๆก่อนการคลอดแต่ไม่เร็วกว่า 30 วันของการคลอด 
    • การลาที่นานเกินกว่า 45 วันนั้นจะถือเป็นการลาที่ไม่ได้รับค่าจ้างเว้นแต่จะนำวันหยุดพักร้อนหรือการลาป่วยเข้ามาใช้ (ให้ไปอ่านสิทธิประกันสังคมข้อที่ 4.1.2) 
    • ในช่วง 45 วันของการลาคลอดดังกล่าวนั้นพนักงานจะยังคงได้รับค่าจ้างในอัตราปกติ 
    • พนักงานจะถูกกำหนดให้แจ้งต่อผู้บังคับบัญชาอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรโดยจะรวมถึงวันที่ขอลาคลอดและการลาช่วงหลังคลอดโดยยึดวันที่มาก่อน 
    • ต้องส่งแบบฟอร์มการขอลางานให้กับผู้บังคับบัญชาและแผนกทรัพยากรบุคคลก่อนวันที่จะทำการลาเป็นระยะเวลา 30 วัน พนักงานจะได้รับอนุญาติให้ลาคลอดได้ต่อเมื่อได้รับการอนุมัติจากผู้บังคับบัญชาเท่านั้น 
    • ค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ต่างๆที่เกิดขึ้นจากการตั้งครรภ์นั้นจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท 

 

9.11 สิทธิลาโดยไม่รับค่าจ้าง

  • จากการตัดสินใจของบริษัท  บริษัทอาจจะอนุญาติให้พนักงานทำการลาโดยไม่ได้รับค่าจ้างได้ในเหตุผลที่สำคัญ 
  • พนักงานจะได้รับอนุญาติให้ทำการลาโดยไม่ได้รับค่าจ้างได้ภายหลังจากได้รับการอนุมัติจากหัวหน้า 
  • หากไม่ได้รับความเป็นธรรม ให้ร้องเรียนกับผู้บังคับบัญชาที่สูงกว่า หรือแผนกทรัพยากรบุคคล 

 

9.12 สิทธิลาป่วย

ข้อปฎิบัติ

  • พนักงานทุกคนจะสามารถใช้การลาป่วยได้ตามใบรับรองของแพทย์มีสิทธิได้รับวันลาป่วยที่ได้รับการจ่ายค่าจ้างจำนวน 30 วันต่อปีปฏิทิน หากเกินกว่า 30 วันจะไม่ได้รับค่าจ้าง 
  • พนักงานที่ลาป่วยเป็นเวลามากกว่า 2 วัน จะต้องส่งใบรับรองแพทย์ที่ระบุให้สมควรหยุดพักรักษา ให้กับแผนกทรัพยากรบุคคล 
  • การรักษาต่อเนื่อง โดยการนัดจากแพทย์ ถือเป็นลาป่วย 
  • การรักษาต่อเนื่อง จากโรคประจำตัวที่ทราบอยู่แล้วและพบแพทย์เป็นประจำ ไม่ถือเป็นลาป่วย 

ขั้นตอนการลาป่วยยุคใหม่

  • ให้ลาป่วยทาง Line  กับผู้บังคับบัญชาและแผนกทรัพยากรบุคคล 
  • ต้องแจ้งให้ทราบถึงการลาก่อนเวลา 10.00 น. ในวันเดียวกันนั้นๆ 
  • การไม่ปฏิบัติตามจะถือว่าเป็นการขาดงานโดยไม่ได้รับอนุญาติหรือมีเหตุผลที่เพียงพอ 
  • จะไม่ได้รับสิทธิในการลาป่วย 
  • ใช้ Line ส่วนตัวเท่านั้น 
  • ไม่ต้องโทรแจ้ง ให้ใช้ข้อความทาง Line เป็นหลักฐาน 
  • กรณีมีใบรับรองแพทย์ ให้นำส่งแผนกทรัพยากรบุคคลพร้อมหลักฐานการลา 

 

9.13 สิทธิลาทดแทน

  • บริษัทไม่มีนโยบายสำหรับการลาทดแทน

 

9.14 สิทธิลาแต่งงาน

ข้อปฏิบัติ 

  • มีสิทธิลาโดยได้รับค่าจ้างเป็นเวลา 3 วัน ในโอกาสมงคลสมรสตามกฎหมายครั้งแรกเท่านั้น 
  • เกินจาก 3 วันให้ใช้วันลาพักร้อนหรือลาไม่รับค่าจ้างและไม่เกิน 10 วันรวมวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์แล้ว 
  • ต้องมีทะเบียนสมรสหรือหลักฐานอื่นใดสนับสนุน 
  • ต้องใช้เป็นระยะวันลาติดกันก่อนหน้าหรือภายหลังจากวันสมรส 
  • ยื่นเอกสารขออนุมัติอย่างน้อย 2 สัปดาห์ล่วงหน้า 

10. มารยาทในการทำงาน

10.1 มารยาทการเขียนอีเมล

ที่ระบุไว้ตามข้อข้างล่างนี้ เป็นคำแนะนำในการใช้อีเมลของบริษัท 

  • ควรที่จะต้องมีหัวข้อเรื่องที่มีความหมายชัดเจนทุกครั้ง ที่มีการส่งอีเมล เพื่อที่ผู้อ่านจะได้เข้าใจในเบื้องต้นเกี่ยวกับรายละเอียดของอีเมลที่ส่งมาให้นั้น 
  • ควรมีการเพิ่มข้อมูลอีเมลของลูกค้าหรือบุคคลที่คุณต้องติดต่อด้วยเสมอ เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการติดต่อ 
  • ถ้าคุณต้องการบอกถึงข้อความต่างๆควรจะเขียนให้สั้น และพยายามหลีกเลี่ยงหัวข้อที่อาจจะเกิดการโต้แย้งขึ้นได้ 
  • อย่าให้สำเนาของข้อความบนอีเมลให้ใครถ้าไม่จำเป็น 
  • พยายามส่งข้อมูล 1 อีเมลต่อหนึ่งหัวข้อเรื่อง 
  • เมื่อคุณต้องมีการส่งข้อมูลที่ยาวและซับซ้อน อาจจะเหมาะสมกว่าถ้าคุณจะแบ่งออกเป็นส่วนๆตามหัวข้อ 
  • พยายามทำให้อีเมลนั้นสั้นกระชับ และเข้าใจง่าย 
  • อย่าเขียนด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ 
  • ควรจะมีคำเกริ่นนำและคำลงท้ายเสมอเวลาที่ส่งอีเมล พยายามใช้คำว่า กรุณา และขอบคุณ เมื่อจำเป็นและเห็นสมควร 
  • พยายามอย่าส่งอีเมลเมื่อคุณอยู่ในอารมณ์โกรธ  

10.2 มารยาทการใช้สถานที่

  • ปิดไฟปิด แอร์ จัดโต๊ะ เก็บขยะให้เรียบร้อยทุกครั้งหลังใช้ห้องประชุม 
  • ไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้ามาใช้สถานที่ ก่อนได้รับการอนุญาตจากผู้บังคับบัญชา 
  • ช่วยกันรักษาความสะอาดอาคารและสถานที่ และควรรับผิดชอบตามเวรที่ได้รับมอบหมาย  

10.3 มารยาทในการทำงานร่วมกัน

  • ไม่ส่งเสียงรบกวน หรือสร้างความรำคาญให้กับเพื่อนร่วมงาน 
  • ไม่ควรใช้คำพูด หรือคำถามที่เป็นการก้าวก่ายสิทธิและหน้าที่ของเพื่อนร่วมงาน เช่น  ทำอะไรอยู่ ทำไมต้องทำแบบนี้ หรือวันๆทำอะไรบ้าง   

11. ภาคผนวก 

ตัวอย่างการลา

เหตุการณ์

Link / ข้อสรุป

หมอนัดตรวจครรภ์ตอนช่วงตั้งครรภ์ 

ลากิจ , ลาไม่รับค่าจ้าง 

หมอนัดตรวจ หลังจากทำฟัน , ดัดฟัน ฯลฯ 

ลากิจ , ลาไม่รับค่าจ้าง 

หมอนัดตรวจดูอาการเพื่อรักษาต่อเนื่อง 

ลาป่วย 

ปวดท้องประจำเดือน 

ลาป่วย    (ให้ติดตามผล หากมีการลาป่วยจากการปวดท้องประจำเดือนติดต่อกัน 3 ครั้ง ให้ไปพบแพทย์ด้วยตัวเอง) 

ศัลยกรรมเพื่อความงาม 

ลาไม่รับค่าจ้าง 

ศัลยกรรมเพื่อรักษา 

ลากิจ , ลาไม่รับค่าจ้าง 

ทำเลสิค 

ลากิจ , ลาไม่รับค่าจ้าง 

บวชหน้าไฟ 

ลากิจ , ลาไม่รับค่าจ้าง 

หมอนัดล้างแผล 

ลากิจ , ลาไม่รับค่าจ้าง  

หมอนัดทำกายภาพ 

ลาป่วย 

ลาไปเลือกตั้ง ส่วนภูมิภาค 

ลากิจ , ลาไม่รับค่าจ้าง 

ลาไปจับทหาร 

ลากิจ , ลาไม่รับค่าจ้าง 

ลาพาพ่อแม่ไปหาทำกิจส่วนตัว 

ลากิจ , ลาไม่รับค่าจ้าง 

ลาไปซ่อมรถ 

ลากิจ , ลาไม่รับค่าจ้าง 

ลาไปเอารถเข้าศูนย์ 

ลากิจ , ลาไม่รับค่าจ้าง 

ลาปวดท้องประจำเดือน 

ลาป่วย หากลาต่อเนื่อง 3 เดือน ให้ไปพบแพทย์ 

ลาฉุกเฉินไม่แจ้งล่วงหน้า และไม่ลงบันทึกการลาภายในเวลาที่กำหนด 

ขาดงาน 

ลาบวชเกิน 15 วัน 

ลากิจ , ลาไม่รับค่าจ้าง , ลาพักร้อน 

ลาป่วยเท็จ 

ไล่ออก ไม่ต้องทำใบเตือนหรือฑัณบน 

ลากิจเท็จ 

ไล่ออก ไม่ต้องทำใบเตือนหรือฑัณบน 

ลาพาลูกทำกิจส่วนตัว 

ลากิจ , ลาไม่รับค่าจ้าง 

ลาทำบัตรประชาชน , ใบขับขี่ ฯลฯ 

ลากิจ , ลาไม่รับค่าจ้าง 

ลาวันเกิด 

ลากิจ , ลาไม่รับค่าจ้าง , ลาพักร้อน 

ลาติดต่อราชการ แบบต่อเนื่อง เช่น 

- ไปสอบใบขับขี่แล้วไม่ผ่าน ให้ไปสอบใหม่วันรุ่งขึ้น ซึ่งตอนแรกลาไว้ 1 วัน แต่พอสอบไม่ผ่านก็ต้องลาต่ออีก 1 วัน 

 ลากิจ , ลาไม่รับค่าจ้าง 

ลาไปทำธุรกรรมทางการเงิน 

ลากิจ , ลาไม่รับค่าจ้าง 

ลาไปทำธุรกรรมทางการเงินแบบต่อเนื่อง 

ลากิจ , ลาไม่รับค่าจ้าง 

ลาป่วยเกิน 30 วันต่อปี 

พักงาน , ใช้สิทธิเกินกว่ากฏหมายกำหนด ยกเลิกสัญญาจ้าง และพิจารณาใหม่ 

ลากิจเกิน 8 วันต่อปี 

ลาไม่รับค่าจ้าง 

ลาพักร้อนเกินกว่ากำหนด 

ลาไม่รับค่าจ้าง 

 

ตัวอย่างการทำผิดและการลงโทษ 

เหตการณ์ 

Link / ข้อสรุป 

ออกไปข้างนอกโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชา 

ถือเป็นการละเลยต่อหน้าที่ ไม่อยู่ในที่ทำงาน 

ขั้นที่ 1 ตักเตือน 

ขั้นที่ 2 ใบเตือน 

ลืมปิดเครื่องปรับอากาศ 

ลงโทษทางวินัยอย่างเหมาะสม

ทำงานไม่เสร็จตามกำหนด โดยไม่มีสาเหตุ 

ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน หากมีเจตนาไม่ทำตามคำสั่ง ท้าทายคำสั่ง เจตนาไม่ทำงานเพื่อให้นายจ้างเกิดความเสียหายถือเป็นความผิดร้ายแรง โทษคือให้ออก 

ปฏิบัติงานนอกเหนือคำสั่งโดยไม่แจ้งต่อผู้บังคับบัญชา 

ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน หากมีเจตนาทำนอกเหนือคำสั่ง ท้าทายคำสั่ง เจตนาเพื่อให้นายจ้างเกิดความเสียหายถือเป็นความผิดร้ายแรง โทษคือให้ออก 

ไม่ทำงานที่ได้รับมอบหมาย โดยไม่มีสาเหตุ 

ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอนหากมีเจตนาไม่ทำตามคำสั่ง ท้าทายคำสั่ง เจตนาไม่ทำงานเพื่อให้นายจ้างเกิดความเสียหายถือเป็นความผิดร้ายแรง โทษคือให้ออก 

ฝ่าฝืนคำสั่งผู้บังคับบัญชา 

ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอนหากมีเจตนาฝ่าฝืนคำสั่ง ท้าทายคำสั่ง เจตนาไม่ทำงานเพื่อให้นายจ้างเกิดความเสียหายถือเป็นความผิดร้ายแรง โทษคือให้ออก 

ขโมยทรัพย์สินนายจ้าง 

ไล่ออก ดำเนินคดีตามกฏหมาย 

ขโมยทรัพย์สินบริษัท 

ไล่ออก ดำเนินคดีตามกฏหมาย 

นำทรัพย์สินบริษัทกลับบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาติ 

ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอนหากมีเจตนา นำทรัพย์สินบริษัท ถือเป็นการลักทรัพย์ความผิดร้ายแรง โทษคือให้ออก 

ยืมทรัพย์สินแล้วไม่คืนตามกำหนด 

ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอนหากมีเจตนา ไม่คืนทรัพย์สินตามกำหนด ถือเป็นการลักทรัพย์ความผิดร้ายแรง โทษคือให้ออก 

ยืมทรัพย์สินโดยไม่ได้รับอนุญาติ , ไม่มีเอกสาร 

ถือเป็นการเจตนาลักทรัพย์ความผิดร้ายแรง โทษคือให้ออก 

ลืมมือถือออฟฟิศไว้ที่พักอาศัย 

ถือเป็นความผิดไม่ร้ายแรงโทษคือ ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน 

ลืมมือถือออฟฟิศไว้ที่ออฟฟิศ (ไม่นำพกติดตัว) 

ถือเป็นความผิดไม่ร้ายแรงโทษคือ ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน 

ไม่สามารถติดต่อเบอร์ออฟฟิศได้ในเวลางาน 

ถือเป็นความผิดไม่ร้ายแรงโทษคือ ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน หากมีเจตนา ถือเป็นความผิดวินัยร้ายแรง โทษคือให้ออก 

ทำมือถือออฟฟิศหาย 

จ่าย100เปอร์เซ็น ตามมูลค่าสินค้า 

ทำโน๊ตบุ๊คหาย 

จ่าย100เปอร์เซ็น ตามมูลค่าสินค้า 

ทำโน๊ตบุ๊คชำรุด (ที่ไม่ได้เกิดจากการใช้งาน) 

ผู้ทำให้เสียหายจ่ายค่าซ่อมเอง 

ทำลายข้าวของ ทรัพย์สินบริษัท 

ไล่ออก ดำเนินคดีตามกฏหมาย 

นำพาบุคคลภายนอกเข้ามาก่อความวุ่นวายภายในบริษัท 

ไล่ออก ดำเนินคดีตามกฏหมาย 

 ทะเลาะวิวาทกันภายในบริษัท 

ไล่ออกทั้งคู่ 



ตัวอย่างการตัดสินใจปัญหาที่เกิดจากการทำงาน

เหตการณ์ 

Link / ข้อสรุป 

ด้านบัญชี - การเงิน

 

คืนเงินค่าสินค้า 

โอนเงินคืนลูกค้าทุกวันที่ 15 และ สิ้นเดือน 

ซื้อไปแล้วเกิน 7 วัน สินค้ายังไม่ได้ใช้งาน 

ไม่โอนเงินคืน 

ซื้อไปแล้วเกิน 7 วัน สินค้าใช้งานแล้ว 

ไม่โอนเงินคืน 

ซื้อไปแล้วเกิน 7 วัน สินค้าชำรุดเสียหาย 

หากอยู่ในการรับประกันสินค้า สามารถนำมาเคลมได้ 

ซื้อไม่ถึง 7 วัน สินค้ายังไม่ได้ใช้งาน 

สามารถโอนเงินคืนได้ 

ซื้อไม่ถึง 7 วัน สินค้าใช้งานแล้ว 

หากอยู่ในการรับประกันสินค้า สามารถนำมาเคลมได้ 

ซื้อไม่ถึง 7 วัน สินค้าชำรุดเสียหาย 

หากอยู่ในการรับประกันสินค้า สามารถนำมาเคลมได้ 

เปลี่ยน - คืนสินค้า 

 

ผิดรุ่น ต้องการเปลี่ยน 

้เปลี่ยนได้กรณีซัพยินยอม หากซัพไม่ยินยอมผู้ที่กระทำให้ผิดพลาดรับผิดชอบ 

ผิดขนาด ต้องการเปลี่ยน 

เปลี่ยนได้กรณีซัพยินยอม หากซัพไม่ยินยอมผู้ที่กระทำให้ผิดพลาดรับผิดชอบ 

ผิดชนิด ต้องการเปลี่ยน 

เปลี่ยนได้กรณีซัพยินยอม หากซัพไม่ยินยอมผู้ที่กระทำให้ผิดพลาดรับผิดชอบ 

ผิดรุ่น ต้องการคืนเงิน คืนของ 

คืนได้กรณีซัพยินยอม หากซัพไม่ยินยอมผู้ที่กระทำให้ผิดพลาดรับผิดชอบ 

ผิดขนาด ต้องการคืนเงิน คืนของ 

คืนได้กรณีซัพยินยอม หากซัพไม่ยินยอมผู้ที่กระทำให้ผิดพลาดรับผิดชอบ 

ผิดชนิด ต้องการคืนเงิน คืนของ 

คืนได้กรณีซัพยินยอม หากซัพไม่ยินยอมผู้ที่กระทำให้ผิดพลาดรับผิดชอบ 

ลูกค้าซื้อเกิน ต้องการคืนเงิน 

คืนได้กรณีซัพยินยอม หากซัพไม่ยินยอมผู้ที่กระทำให้ผิดพลาดรับผิดชอบ 

ขายเงินสด แต่ลูกค้าไม่ชำระตามกำหนด ณ วันส่งของ 

เจ้าหน้าที่ขายผู้นั้นเป็นคนรับผิดชอบ 

ขายเงินสด ส่งขนส่ง แต่ลูกค้าไม่โอนเงินก่อน และซื้อของมาแล้ว 

เจ้าหน้าที่ขายผู้นั้นเป็นคนรับผิดชอบ 

ขายเงินเชื่อ แต่ลูกค้าไม่ชำระตามกำหนด 

โทรติดตามก่อน หากยังไม่ได้รับชำระให้ทำหนังสือทวงหนี้ 

แจ้งเบิกเงินเท็จ 

ไล่ออก ดำเนินคดีตามกฏหมาย 

ทุจริตทางด้านการเงิน 

ไล่ออก ดำเนินคดีตามกฏหมาย 

ด้านงานขาย

 

เสนอราคา ไม่แนบสเปค 

ตักเตือนด้วยวาจา 

เสนอราคา ส่ง Email ให้ลูกค้าผิดบริษัท 

ตักเตือนด้วยวาจา/ออกใบเตือน 

เสนอราคา ส่ง Email ให้ลูกค้าผิดคน 

ตักเตือนด้วยวาจา/ออกใบเตือน 

เสนอราคา ราคาผิด จำนวนผิด 

ตักเตือนด้วยวาจา/ออกใบเตือน 

ขายสินค้า โดยไม่เสนอราคา ไม่แนบสเปค 

ตักเตือนด้วยวาจา/ออกใบเตือน 

ขายสินค้า โดยไม่มีใบ PO จากลูกค้า 

ต้องมีการเซ็นยืนยันสั่งซื้อในใบเสนอราคา/หรือไม่เกินอำนาจวงเงิน 

ขายสินค้า โดยเซ็นใบเสนอราคาแบบ Digital 

ตักเตือนด้วยวาจา/ออกใบเตือน 

ลูกค้า PO วันนี้ีจะเข้ามารับของเองวันนี้ 

สินค้าที่มี “Stock”หน้าร้าน /สินค้า “Trade” พิจารณาตาม Challenge 

ลูกค้า PO วันนี้จะเข้ามารับของเองพรุ่งนี้ 

สินค้าที่มี “Stock”หน้าร้าน /สินค้า “Trade” พิจารณาตาม Challenge 

ลูกค้า PO วันนี้จะให้ส่งของพรุ่งนี้ 

สินค้าที่มี “Stock”หน้าร้าน /สินค้า “Trade” พิจารณาตาม Challenge 

ต้องการส่งของด่วน แต่ไม่มีแมสเซนเจอร์ 

พิจารณาตาม Challenge 

ต้องการรับของด่วน แต่ไม่มีแมสเซนเจอร์ 

พิจารณาตาม Challenge 

ต้องการรับ-ส่งของด่วน แต่ไม่มีแมสเซนเจอร์ 

เจ้าหน้าที่ขายส่งเอง,จัดซื้อรับเอง,ลูกค้ามารับเอง,ลูกค้ารับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง 

เสนอราคางานชนกันกับลูกค้ารายอื่น 

พิจารณาตามเหตุผลโดยยึดจากผลประโยชน์ของบริษัทเป็นหลัก 

ขายสินค้ายี่ห้อที่ไม่อนุญาติให้ขาย

ตักเตือนด้วยวาจา/ออกใบเตือน เมื่อขายนอกเหนือข้อตกลง 

ขายของผิดเสปคที่ลูกค้าต้องการ โดยความผิดเกิดจากฝ่ายขาย 

ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน และ ผู้ขายรับผิดชอบตามยอดที่เปิดบิล 

ฝ่าฝืนในการตัดสินใจตามลำดับชั้น 

ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน 

ขายสินค้าต่ำกว่าราคา min โดยไม่ผ่านการอนุมัติ 

ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน ไม่ได้รับค่านายหน้า 

ไม่ดำเนินการเรื่องอนุมัติเครดิตให้แล้วเสร็จก่อนที่ได้รับ PO จากลูกค้า 

ให้ขายเป็นเงินสดเท่านั้น/เจ้าหน้าที่ฝ่ายขายสามารถสำรองจ่ายไปก่อนได้ 

ไม่ตรวจสอบวงเงินเครดิตลูกค้า ก่อนได้รับ PO 

ให้ขายเป็นเงินสดเท่านั้น 

แถมเติมน้ำมัน PG โดยไมได้รับอนุมัติ 

เจ้าหน้าที่ฝ่ายขายผู้นั้นเป็นคนรับผิดชอบ 

แถมข้อต่อ โดยไม่ได้รับอนุมัติ 

เจ้าหน้าที่ฝ่ายขายผู้นั้นเป็นคนรับผิดชอบ 

Diaphram โดยไม่คิดค่า Seal ตามเงื่อนไข 

 ซื้อ Diaphragm  + PG Bourdon ,PG Capsule,PG Digital 

 ซื้อ Diaphragm + PG Switch  

 ซื้อ Diaphragm + Pressure Tran 

 ซื้อ Diaphragm > นำ PG Bourdon (ใหม่ or ใช้งานมาแล้ว) มาเอง 

 ซื่อ Diaphragm > นำ Pressure Switch (ใหม่ใหม่ or ใช้งานมาแล้ว) มาเอง 

 นำมาเอง (ใหม่) Diaphragm > ซื้อ PG Bourdon ,PG Capsule & PG Digital  

 นำมาเอง (ใหม่) Diaphragm > ซื้อ Pressure Swith 

*** หมายเหตุ : แรงดันของเครื่องมือวัดต้องอยู่ในช่วง Range มาตารฐาน ตามสเปคของ Diaphragm แต่ละรุ่น  ที่ทางบริษัทกำหนด *** 

 >> รายละเอียดเพิ่มเติม ตารางค่าSeal Diaphragm (ข้อที่  3.3.2.14) << 

ไม่ได้เสนอราคาค่า Mount 

ให้ตักเตือนด้วยวาจาและลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน 

เจ้าหน้าที่ขายเป็นผู้รับผิดชอบในการประกอบสินค้าเอง 

ไม่ได้ตรวจสอบสถานะสินค้า Keymount , Bush 

ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน และผู้ขายรับผิดชอบตามยอดส่วนต่าง 

หลังเข้าหน้างาน ไม่มีรายงาน 

ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน 

ก่อนเข้าหน้างาน  ไม่มีเอกสารอนุมัติ 

ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน 

เข้าพบลูกค้า ไม่มีแผนงาน 

ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน 

หลังเข้าพบลูกค้า ไม่มีรายงาน 

ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน 

ไม่ถ่ายรูปชื่อบริษัทลูกค้าที่เข้าพบ 

ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน 

ค่าปรับจราจร เมื่อนำรถบริษัทไปใช้ 

ผู้ใช้รถนั้นรับผิดชอบเอง 

ลูกค้าทำใบกำกับภาษีหาย 

ออกใบแทนหรือออกใบกำกับภาษีให้ใหม่ 

พนักงานทำใบกำกับภาษีหาย 

ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน 

พนักงานทำสินค้าชำรุดระหว่างขนส่ง 

ดูที่เจตนาว่ามีความประมาทเลินเล่อหรือเปล่า 

พนักงานไม่ตรวจสอบสภาพสินค้าเมื่อได้สินค้าจากผู้จำหน่าย 

ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน 

 

ส่ง Hand book เกินวันที่ 5 

ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน 

ไม่ส่ง Hand book 

ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน 

ทำสินค้าประกอบ ไม่เสร็จตามกำหนด 

ตักเตือนด้วยวาจา/ออกใบเตือน 

นัดส่งสินค้า โดยสินค้าไม่สามารถเสร็จได้ทันตามกำหนด 

ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน หากมีความเสียหายเกิดขึ้นให้ผู้นั้นรับผิดชอบตามมูลค่าทรัพย์สิน 

 

ตัวอย่างการแก้ปัญหาด้านไอที 

Program 

เหตการณ์ 

Link / ข้อสรุป 

Odoo 

รับของไม่ได้ 

เปิดใบส่งของชั่วคราว 

Odoo 

ติดวงเงินเครดิต 

ขอวงเงินเครดิตเพิ่ม 

Odoo 

ปริ้นใบเสนอราคาแล้วเพี้ยน 

กรณีOdoo ขัดข้องสามารถทำใน Google Sheet 

Odoo 

ขายสินค้าขาดทุน 

ผู้กระทำความผิดให้รับผิดชอบส่วนต่าง 

Odoo 

รับของล่วงหน้า 

จัดซื้อต้องเปิดใบสั่งซื้อก่อน คลังถึงจะรับของล่วงหน้าได้ 

Odoo 

เปิดใบกำกับภาษีลงวันที่ล่วงหน้า 

ล่วงหน้าได้แค่ 1 วัน 

Odoo 

เปิดใบกำกับภาษี ย้อนหลัง 

สามารถทำได้เฉพาะช่วงสิ้นเดือน 

Odoo 

ID สินค้าซ้ำ  ให้ใช้ตัวไหน 

ให้ใช้ตัวที่ Create ก่อน 

Odoo 

ดึง ID สินค้า ซื้อ xxxx ขายสินค้า yyyy แต่เป็นสินค้าเดียวกัน ทำให้ไม่สามารถรับของได้ 

ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายขายไปดึง ID สินค้าใหม่ 

Odoo 

ใบกำกับภาษีเกิน 1 หน้า 

ในกรณีที่ไม่สามารถขยับได้แล้ว จะทำการเปิดอีก 1 ใบแต่เลขที่บิลจะต่อกัน 

Odoo 

ต้องการลบสินค้า แล้วลบไม่ออก 

กด Archive Product ตัวนั้น 

Server 

เน็ตช้า , เน็ตล่ม 

รีสตาร์ทเครื่อง,แจ้งเจ้าหน้าที่ไอที 

Server 

Odoo เข้าไม่ได้ 

แจ้งไปยัง IT Restart Server 

Word Press 

Link Spec สินค้ามีปัญหา 

ส่งไฟล์  ให้ลูกค้าก่อน และแจ้งไปยัง IT แก้ไข 

Word Press 

เพิ่ม Link Spec สินค้า 

แจ้งไปยัง IT แก้ไข 

Word Press 

แบบฟอร์มที่ออกจาก WP เพี้ยน 

ให้ผู้ที่สร้างแบบฟอร์ม แก้ไข  

Word Press 

แบบฟอร์มเกิน 1 หน้า 

ทำใน Google Sheet แทน หรือ Google   Drive 

Gmail 

แก้ Template Email 

User รับผิดชอบ 

Contact Google 

ผู้ติดต่อหาย ทั้งหมด 

แจ้งมายังแผนก HR 

Contact Google 

การ Sync รายชื่อเพื่อนร่วมงานทั้งหมด 

วิธี Sync Contact 

Printer 

Add , Remove Printer 

ดาวน์โหลดและติดตั้ง Driver Printer  Windows Add Printer 

Scanner 

Scan ไม่ได้ 

หากเกิดจากระบบให้แจ้งไปยังฝ่าย IT แก้ไข 

Fax 

รับ Fax ไม่ได้ 

แจ้งไปยัง IT แก้ไข 

Fax 

ส่ง Fax ไม่ได้ 

แจ้งไปยัง IT แก้ไข