1. เกี่ยวกับบริษัท
1.1 คำนิยามและคำจำกัดความ
- “บริษัท” ,องค์กร , ผู้ว่าจ้าง" , "นายจ้าง" หมายถึง บริษัท ปาโก้ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
- "นโยบาย” หมายถึง แนวทางในการปฏิบัติงานที่ใช้ภายในบริษัท ปาโก้ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัดรวมถึงนโยบายที่ใช้กับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นภายนอกบริษัท
- "พนักงาน” หมายถึง บุคคลธรรมดาที่บริษัท ปาโก้ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ได้ว่าจ้างเพื่อให้ทำงานโดยให้ผลประโยชน์ตอบแทนทั้งที่เป็นเงินหรือทรัพย์สินอื่นกับการทำงานนั้นโดยมีรอบการจ่ายค่าตอบแทนเป็นรายเดือน
- "พนักงานรายวัน” หมายถึง บุคคลธรรมดาทั่วไปที่บริษัท ปาโก้ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ได้ตกลงว่าจ้างทำงานโดยได้รับค่าจ้างเป็นรายวัน ตามวันที่มาทำงานซึ่งมีสิทธิได้รับค่าจ้างในวันหยุดตามประเพณี วันหยุดพักผ่อนประจำปี และวันลาป่วยตามที่กฎหมายกำหนด
- “ผู้บังคับบัญชา” หมายถึง พนักงานที่ได้รับแต่งตั้งจากบริษัท ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้างานส่วนใดส่วนหนึ่ง ทั้งในด้านกาปฏิบัติงานและการควบคุมการดำเนินงานให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับของบริษัท
- “ผู้มีอำนาจ” หมายถึง พนักงานที่ได้รับแต่งตั้งจากบริษัท ให้มีอำนาจในการดำเนินการใด ๆ ของบริษัท โดยมีหนังสือแต่งตั้ง หรือตามตำแหน่ง
- “กฏหมาย” หมายถึง กฎหมาย ข้อตกลงสากล พระราชบัญญัติ พระราชกำหนด กฎระเบียบ กฎกระทรวง ประกาศคำสั่งอธิบดี ข้อปฏิบัติต่าง ๆ จากทางรัฐภายใต้ประเทศที่บริษัทได้ประกอบการอยู่
- “กฎข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน , ระเบียบการ” หมายถึง ข้อปฏิบัติที่เป็นข้อบังคับซึ่งกำหนดขึ้นไว้เป็นระเบียบในการปฏิบัติหรือดำเนินการตามกฎหมาย หากผู้ใดฝ่าฝืนกฎข้อบังคับบริษัทมีสิทธิใช้อำนาจการพิจารณาถือเป็นการกระทำความผิดได้
- “ข้อตกลงร่วมกัน” หมายถึง ข้อปฏิบัติที่ได้มีการประชุมและได้ข้อสรุปเป็นข้อตกลงร่วมกันในการทำงาน หากผู้ใดไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงที่ได้ตกลงไว้ พนักงานทุกคนมีสิทธิที่จะใช้ข้อตกลงมาพิจารณาเพื่อเป็นความผิด
- การผิดข้อตกลงร่วมกันไม่สามารถออกใบเตือนได้ เพราะไม่ได้ถือเป็นความผิดทางวินัยสามารถตักเตือนได้ทางวาจาหรือบำเพ็ญประโยชน์เท่านั้น
- “สิทธิ , สิทธิ์” หมายถึง หลักเสรีภาพหรือการให้สิทธิทางกฎหมาย สังคมหรือจริยศาสตร์ กฎเชิงบรรทัดฐาน ขนบธรรมเนียมทางสังคม
1.2 ข้อมูลบริษัท
- ชื่อองค์กร : บริษัท ปาโก้ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
- สถานที่ตั้ง : 52/229 ซอยเพชรเกษม 69 ถนนเพชรเกษม แขวงหนองแขม เขตหนองแขม กทม. 10160
- เลขประจำตัวผู้เสียภาษี : 0105559104263 สำนักงานใหญ่
- เบอร์โทร : 02-028-6074-76
- เว็บไซต์ : www.pako.co.th , www.pakoengineering.com
อีเมล : info@pako.co.th - ประเภทธุรกิจ : นำเข้าและจำหน่ายเครื่องมือวัดการไหล ความดัน อุณหภูมิในโรงงานอุตสาหกรรม รวมทั้งอุปกรณ์บังคับการไหล ส่วนควบ ส่วนประกอบ
- โลโก้ปัจจุบัน
1.3 ประวัติความเป็นมา การเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการที่สำคัญ
- จดทะเบียนการค้ากับสำนักงานเขตในนาม “ปาโก้”
- จดทะเบียนการค้ากับสำนักงานเขตในนาม “ปาโก้ กระทำการโดย นายทนงศักดิ์ ชัยวโร”
- จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในนาม “นายทนงศักดิ์ ชัยวโร” ด้วยทุนจดทะเบียน 50,000 บาท
- จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในนาม “ปาโก้” ด้วยทุนจดทะเบียน 50,000 บาท 19 มิ.ย. 2555
- จดทะเบียนการค้าก่อตั้ง “หจก. ปาโก้ เอ็นจิเนียริ่ง” ด้วยทุนจดทะเบียน 50,000 บาท
- จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมกับเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1,000,000 บาท และต่อมาได้มีการเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 4,000,000 บาท
- วันที่ 16 ก.ค. 2559 ได้มีการแปรสภาพจาก ห้างหุ้นส่วนจำกัด ปาโก้ เอ็นจิเนียริ่ง เป็น บริษัท ปาโก้ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 5,000,000 บาท
1.4 สัยทัศน์ & พันธกิจ (VISION & MISSION)
- วิสัยทัศน์ต่อลูกค้า
- เป็นผู้จัดหาสินค้าทางอุตสาหกรรมที่ดีที่สุดต่อคู่ค้า เป็นที่นึกถึงลำดับแรกในใจลูกค้า โดยการให้บริการ ให้ คำปรึกษาด้านสินค้าอุตสาหกรรม โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญระดับมืออาชีพ
- พันธกิจต่อลูกค้า
- เราเป็นผู้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้าด้วยความซื่อตรงเราเป็นผู้พัฒนาสินค้าและการบริการอย่างต่อเนื่อง
1.5 ค่านิยมองค์กร
เราเชื่อว่าค่านิยมองค์กรที่มีร่วมกันจะเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญ ที่สร้างให้บุคลากรและองค์กรสามารถพัฒนา เติบโตก้าวหน้าอย่างยั่งยืนต่อไป โดยมีตัวย่อว่า “RADIUS” ดังนี้
- Respects – เคารพในสิทธิและหน้าที่ของตนเอง ผู้อื่น องค์กร และสังคม บุคลากรของบริษัทฯ ต้องมี ความเคารพในสิทธิและหน้าที่ทั้งของตนเอง ผู้อื่น องค์กร และสังคม การเคารพซึ่งกันและกันทำให้เราสามารถสร้างความไว้วางใจและพึ่งพาได้ รวมทั้งมีความเป็นมืออาชีพในการทำงาปฏิบัติตามระเบียบวินัยขององค์กรอย่างเคร่งครัด
- Appreciate – กตัญญูกตเวที น่าเชื่อถือ ไว้วางใจได้ บุคลากรของบริษัทฯ ต้องมีความกตัญญูกตเวที รู้จักบุญคุณ และตอบแทน เป็นคนซื่อสัตย์ ทั้งในระดับครอบครัว สังคม และประเทศชาติ สิ่งนี้จะเป็นแรงผลักดันให้บุคลากรของเราทำงานอย่างเห็นคุณค่าของบุคคลอื่นทั้งเพื่อนร่วมงาน หัวหน้าและลูกค้าบริษัทฯ เราเชื่อว่าบนความไว้วางใจระหว่างคู่ค้าที่เพิ่มขึ้น จะทำให้เราสามารถลดต้นทุนแฝงได้ เช่น การตรวจสอบ การตรวจรับ การป้องกันการทุจริต ดังนั้นถ้าเราสามารถไว้วางใจซึ่งกันและกันได้ จะทำให้ต้นทุนลดลงและเกิดความง่าย สะดวกในการติดต่อทำธุรกิจ
- Diligence – มีความขยันอุตสาหะ ไม่ย่อท้อ ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก การทำงานทุกอย่างย่อมมีอุปสรรค บุคลากรของ บริษัทฯ จะต้องมีความไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก นั่นคือมีความแข็งแกร่งในตนเอง ขยันขันแข็ง มีความพากเพียรและมีวินัย
- Innovation – พัฒนาและเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ ทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยวิธีใหม่ ๆ ที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ใช้นวัตกรรมอย่างสร้างสรรค์เพื่อแก้ไขปัญหา ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเกิดความพอใจ ซึ่งการจะแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์ได้นั้นจำเป็นต้องสั่งสมความรู้ ประสบการณ์ มีความกล้าที่จะคิดแก้ไขปัญหานอกกรอบ
- Unity – เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน สามัคคี มีจุดมุ่งหมายร่วมกันและเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสังคม
- Sharing – แบ่งปันสิ่งดี ๆ ซึ่งกันและกันมีน้ำใจ แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ พร้อมเปิดใจรับฟังความคิดเห็น ของผู้อื่น เปิดรับโอกาสใหม่ ๆ ที่เข้ามา มุ่งรับใช้ ตอบแทนสิ่งดี ๆ สู่สังคม และประเทศชาติ
2. นโยบาย
2.1 นิยามของคำว่า “นโยบาย”
นโยบาย มีด้วยกัน 3 ขั้นคือ
- นโยบายหลักบริษัท
หมายถึง แนวทางในการปฏิบัติงานเพื่อให้เกิดการกระทำที่ถูกต้อง ภายใต้อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบอย่างเหมาะสม อีกทั้งนโยบายที่กำหนดขึ้นเป็นการกระทำในนามของบริษัทมิใช่ในฐานะส่วนตัว เป็นการประกาศใช้อย่างถาวรการประกาศใช้จะต้องประกาศให้พนักงานทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 90 วัน และจะมีผลบังคับใช้ก็ต่อเมื่อผู้มีอำนาจลงนามทั้งหมดได้ลงนามเป็นลายลักษณ์อักษรและระบุวันที่ประกาศใช้อย่างชัดเจนเท่านั้น
- นโยบายเสริม
หมายถึง แนวทางในการปฏิบัติงานเพื่อให้เกิดการกระทำที่ถูกต้อง ภายใต้อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบอย่างเหมาะสม อีกทั้งนโยบายที่กำหนดขึ้นเป็นการกระทำในนามของบริษัทมิใช่ในฐานะส่วนตัว เป็นแนวทางปฏิบัติเสริมให้เกิดประโยชน์สูงสุดให้แก่บริษัท เป็นการประกาศใช้ในช่วงระยะเวลาหนึ่งจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง การประกาศใช้จะต้องประกาศให้พนักงานทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 30-90 วัน และจะต้องมีเนื้อหาไม่ทับซ้อนและไม่ขัดกับนโยบายหลักของบริษัทที่มีอยู่เดิมมีผลบังคับใช้ก็ต่อเมื่อผู้มีอำนาจลงนามทั้งหมดได้ลงนามเป็นลายลักษณ์อักษรและระบุวันที่ประกาศใช้อย่างชัดเจนเท่านั้น
- นโยบายเพิ่มเติมฉุกเฉิน
หมายถึง แนวทางในการปฏิบัติงานเพื่อให้เกิดการกระทำที่ถูกต้องภายใต้อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบอย่างเหมาะสม อีกทั้งนโยบายที่กำหนดขึ้นเป็นการกระทำในนามของบริษัทมิใช่ในฐานะส่วนตัว เป็นแนวทางปฏิบัติแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อให้บริษัทสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ โดยเป็นนโยบายเพื่ิอใช้ในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่งเท่านั้น การประกาศใช้จะต้องประกาศให้พนักทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วันและอาจจะมีเนื้อหาทับซ้อนหรือขัดกับนโยบายหลักบริษัทที่มีอยู่เดิมได้ และมีผลบังคับใช้ก็ต่อเมื่อผู้มีอำนาจลงนามทั้งหมดได้ลงนามเป็นลายลักษณ์อักษรและระบุวันที่ประกาศใช้และช่วงระยะเวลาการใช้อย่างชัดเจนเท่านั้น
2.2 นโยบายหลัก - บริษัท ปาโก้ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
- ให้พนักงานทุกคนปฏิบัติตามกฏระเบียบ กฏหมายจากภาครัฐ
- ให้พนักงานทุกคนต้องตระหนักถึง วิสัยทัศน์ และพันธกิจขององค์กร
- ให้พนักงานทุกคนต้องยึดหลักในการปฏิบัติและพัฒนาตามค่านิยมขององค์กร
- ให้พนักงานทุกคนรับทราบและปฏิบัติ กฎข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน , คู่มือและขั้นตอนปฏิบัติงานอย่างเคร่งครัด
3. กฎข้อบังคับเกี่ยวกับการว่าจ้างและเลิกจ้าง
3.1 คุณสมบัติการสมัครเข้าเป็นพนักงาน
- มีสัญชาติไทย
- มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี
- ไม่เป็นบุคคลล้มละลายในสายงานที่เกี่ยวข้องกับการเงิน
- ไม่เป็นผู้มีร่างกายทุพพลภาพจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ไร้ความสามารถหรือจิตฟั่นเฟือน
- ไม่สมประกอบ หรือเป็นโรคติดต่อร้ายแรง หรือเสพสิ่งเสพติดให้โทษร้ายแรง
- ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรรมการพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ในพรรคการเมือง
- ไม่เป็นผู้เคยต้องรับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกเพราะกระทำความผิดทางอาญา เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
- ไม่เป็นผู้เคยถูกลงโทษให้ออก หรือไล่ออกจากราชการ รัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่น
- ผู้สมัครต้องยินยอมให้ตรวจข้อมูลตามเอกสาร
3.2 การค้ำประกัน และคุณสมบัติของผู้ค้ำประกัน
ทางบริษัทให้มีการค้ำประกันทรัพย์สินภายใน โดยมีเงื่อนไขการค้ำประกัน ดังนี้
- ผู้ค้ำประกันต้องเป็นข้าราชการ (ไม่จำกัดระดับตำแหน่ง) ณ ปัจจุบัน
- ผู้ค้ำประกันต้องเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจหรือพนักงานเอกชน ที่มีฐานเงินเดือนไม่น้อยกว่า 15,000 และมีอายุการทำงานไม่ต่ำกว่า 2 ปี และผู้ค้ำประกันจะต้องไม่ได้เป็นพนักงานของบริษัท
- เป็นเจ้าของกิจการ
เอกสารการค้ำประกัน
- สัญญาค้ำประกัน (ลงนามโดยผู้ค้ำฯ) จำนวน 2 ชุด (ทางบริษัทฯ เป็นผู้จัดเตรียมให้)
FORM-HR-023 หนังสือสัญญาค้ำประกัน
- สำเนาบัตรข้าราชการ / สำเนาบัตรประชาชนผู้ค้ำฯจำนวน 1 ชุด
- สำเนาทะเบียนบ้านผู้ค้ำฯ จำนวน 1 ชุด
- หนังสือรับรองเงินเดือน หรือ สลิปเงินเดือนผู้ค้ำฯ จำนวน 1 ชุด (เอกสารออกให้ไม่เกิน 1 เดือน)
- รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน (กรณีเป็นเจ้าของกิจการที่ไม่ได้จดทะเบียนการค้า)
- หนังสือรับรองจดทะเบียนนิติบุคคล (กรณีเป็นเจ้าของกิจการ)
3.3 หลักประกันในการทำงาน
- เฉพาะอาชีพที่เกี่ยวข้องกับเงินหรือทรัพย์สิน สามารถเรียกเก็บเงินประกันได้วงเงินไม่เกิน 60 เท่าของอัตราค่าจ้างรายวัน หลักเกณฑ์และวิธีการเรียกเก็บหรือรับหลักประกันการทำงาน หรือหลักประกันความเสียหายในการทำงานจากลูกจ้าง พ.ศ. 2551 ได้ระบุลักษณะหรือสภาพของงานที่นายจ้างจะเรียกเก็บหรือรับหลักประกันการทำงานหรือหลักประกันความเสียหายในการทำงานจากลูกจ้างได้แก่
- งานสมุห์บัญชี
- งานพนักงานเก็บหรือจ่ายเงิน
- งานควบคุมหรือรับผิดชอบเกี่ยวกับวัตถุมีค่า คือ เพชร พลอย เงิน ทองคำ ทองคำขาว และไข่มุก
- งานเฝ้าหรือดูแลสถานที่หรือทรัพย์สินของนายจ้างที่อยู่ในความรับผิดชอบของนายจ้าง
- งานติดตามหรือเร่งรัดหนี้สิน
- งานควบคุมหรือรับผิดชอบยานพาหนะ
- งานที่มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการคลังสินค้า ซื้อขาย แลกเปลี่ยน ให้เช่าทรัพย์ให้เช่าซื้อ ให้กู้ยืม รับฝากทรัพย์ รับจำนอง รับจำนำ รับประกันภัย รับโอนหรือรับจัดส่งเงิน หรือการธนาคาร ทั้งนี้เฉพาะลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ควบคุมเงินหรือทรัพย์สินเพื่อการที่ว่านั้น
- เจ้าหน้าที่บัญชี
- เจ้าหน้าที่ส่งสินค้า
- เจ้าหน้าที่คลังสินค้า
- วิธีการเรียกเก็บเงินประกัน
- วางเงินเต็มจำนวน ก่อนวันเริ่มทำงานวันแรก
- หักผ่านเงินเดือน เริ่มเก็บ ณ วันที่ได้รับค่าจ้างเดือนแรก
- ระดับพนักงานปฏิบัติการ 500 บาท / เดือน x 10 เดือน รวมเป็นเงิน 5,000 บาท
- ระดับหัวหน้างานขึ้นไป 1,000 บาท / เดือน x 10 เดือน รวมเป็นเงิน 10,000 บาท
FORM-HR-026 แบบฟอร์มหนังสือยินยอมเก็บเงินประกันโดยหักผ่านเงินเดือน
3.4 การแต่งตั้ง
- การว่าจ้างงานใด ๆ ของบริษัทต่อบุคคลธรรมดาจะมีผลบังคับใช้ต่อเมื่อผู้สมัครได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีคุณสมบัติ สามารถปฏิบัติงานได้และไม่มีปัญหาทางการแพทย์สำหรับการว่าจ้างงานและได้รับจดหมายการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากบริษัทรวมถึงได้ลงลายมือชื่อยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร และปิดประกาศอย่างน้อย 30 วัน
FORM-HR-022 ตัวอย่างแบบฟอร์มหนังสือแต่งตั้ง
3.5 สัญญาจ้าง
- ประเภทของสัญญาจ้าง
- สัญญาจ้างทดลองงาน
- สัญญาจ้างพนักงานประจำ
- สัญญาจ้างพนักงานแบบกำหนดระยะเวลา
- สัญญา Contact เป็นเฉพาะงานหรือตามวัตถุประสงค์
- บริษัทไม่ต้องทำประกันสังคม และไม่ได้สิทธิพนักงาน หรือได้สิทธิตามที่ระบุไว้ในสัญญาเท่านั้น (ใช้สัญญาตัวเดียวกับสัญญาจ้างพนักงานแบบกำหนดระยะเวลา)
- สัญญา Contact รายบุคคล
- พนักงานได้รับสิทธิประกันสังคมและสิทธิตามที่ระบุในสัญญาจ้าง (ใช้สัญญาตัวเดียวกับสัญญาจ้างพนักงานแบบกำหนดระยะเวลา)
FORM-HR-002 สัญญาจ้าง
- สัญญาจ้างระหว่างนิติบุคคล
- ทางบริษัทข้างนอกหรือ Outsouce จะเป็นผู้ร่างสัญญาจ้างดังกล่าว แต่เราสามารถแก้ไขสัญญาจ้างได้หากวัตถุประสงค์ไม่เป็นไปตามที่กำหนด
- สัญญาจ้างนักศึกษาฝึกงาน
- นักศึกษาฝึกงานจะไม่ได้ใช้สัญญาจ้างงาน แต่จะเป็นรูปแบบหนังสือตอบรับการฝึกงานโดยทางมหาวิทยาลัยจะเป็นผู้ส่งมาให้ทางบริษัท เมื่อนักศึกษาผ่านการฝึกงาน บริษัทจะมีการออกหนังสือรับรองการฝึกงานให้แก่นักศึกษา
FORM-HR-027 ตัวอย่างแบบฟอร์มหนังสือรับรองการฝึกงาน
3.6 การทดลองงาน
พนักงานทุกคนที่มีข้อผูกมัดสำหรับการว่าจ้างเข้าทำงานแบบประจำนั้นจะต้องเข้าสู่ระยะเวลาการทดลองงานซึ่งระบุไว้ในจดหมายแต่งตั้ง ระยะเวลาทดลองงานรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 119 วันตามปฏิทิน
- การประเมินการทดลองงาน
- ประเมินผลครั้งที่ 1 : อาจเรียกว่า เป็นการติดตามผลการว่าจ้างและบรรจุ (Placement Follow-Up) ซึ่งประเมินในช่วง 30 วันแรก และไม่เกิน45 วัน ในการทำงาน (หรืออาจทำก่อนหน้านั้นก็ได้)
- ประเมินผลครั้งที่ 2 : ประเมินเมื่อทำงานไม่เกิน 89 วัน จะได้มีเวลาพิจารณาอย่างถ้วนถี่ว่าจะให้บรรจุเป็นพนักงานประจำหรือพ้นสภาพจากการเป็นพนักงาน
- ในกรณีพนักงานมีความประพฤติไม่เหมาะสม ทางบริษัทอาจยุติการทดลองงานได้ตลอดระยะเวลา
- พนักงานที่ผ่านการทดลองงานจะได้รับสิทธิประกันสังคม ตามกฎหมาย
- อัตราค่าจ้างคิดเป็นรายวัน สามารถใช้สิทธิในการลาได้ แต่ทางบริษัทจะไม่ทำการจ่ายค่าจ้างในวันที่ลา นั้นๆ โดยการลานั้นจะต้องเป็นกรณีฉุกเฉินหรือมีความจำเป็นเท่านั้นมิฉะนั้นถือว่าเป็นการขาดงาน
- การขาดงานเกิน 2 ครั้งในช่วงทดลองงาน ทางบริษัทขอสงวนสิทธิในการบอกเลิกจ้าง และสิ้นสุดสัญญาทดลองงานทันที
- การขาดงานติดต่อกัน 3 วันทางบริษัทขอสงวนสิทธิในการบอกเลิกจ้าง และสิ้นสุดสัญญาทดลองงานทันที
3.7 นักศึกษาฝึกงาน
บริษัทสนับสนุนให้นักศึกษาได้รับประสบการณ์การทำงานก่อนจบปีการศึกษา โดยมีระเบียบการดังนี้
- ทางสถาบันการศึกษาจะเป็นผู้ส่งเอกสารขอฝึกงานมาทางบริษัท
- นักศึกษาจะต้องผ่านการสัมภาษณ์งานจากหัวหน้าฝ่าย ที่ต้องการเข้าฝึกงาน
- เมื่อผ่านการสัมภาษณ์ ทางสถาบันการศึกษาต้องมีใบตอบรับนักศึกษาฝึกงานเข้ามาให้ทางบริษัทเพื่อให้ทางบริษัทตอบรับนักศึกษาเข้าฝึกงาน โดยระบุวันเริ่มงาน และวันสิ้นสุดอย่างชัดเจน
- นักศึกษาฝึกงาน จะต้องปฏิบัติตามระเบียบบริษัท หากนักศึกษาไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ บริษัท สามารถยุติการฝึกงานได้ทันที
- เมื่อการฝึกงานสิ้นสุดบริษัทจะออกหนังสือรับรองการฝึกงานให้กับนักศึกษาและสถาบันการศึกษา
- เอกสารที่สถาบันการศึกษาต้องการเพิ่มเติม ทางบริษัทยินดีที่จะยื่นให้และต้องเป็นเอกสารที่บริษัทพิจารณาแล้วว่าเป็นเอกสารที่สมควรยื่นเพิ่มเติม
3.8 ประเมินผลงานและการปฏิบัติงาน
- การประเมินผลงานและการปฏิบัติงานในแต่ละรอบมีผลต่อการปรับเปลี่ยนตำแหน่งหรือปรับเปลี่ยนค่าจ้างโดยไม่ต้องเปลี่ยนสัญญาจ้าง และต้องแจ้งให้พนักงานทราบซึ่งอาจจะทำให้มีผลประโยชน์ต่อพนักงานเพิ่มขึ้น เท่าเดิม หรือลดลงได้การประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานทั่วไป ให้กระทำในกรณีดังต่อไปนี้
การประเมินผลงานและการปฏิบัติงานประจำปี
- มีการประเมิน 2 ครั้งต่อปี คือเดือน ก.ค. และเดือน ม.ค. และจะไม่มีการประเมินรอบอื่นๆนอกเหนือจากนี้
การประเมินผลงานและการปฏิบัติงานเพื่อต่อสัญญาจ้าง
- พนักงานท่านใดไม่ผ่านการประเมินผลการปฏิบัติงานติดต่อกัน 2 ครั้ง ให้ถือว่าสัญญาจ้างพนักงานผู้นั้นสิ้นสุดลง โดยให้แจ้งให้พนักงานทราบภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ประกาศผลการประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานผู้นั้น
- การประเมินผลงานจากผู้บังคัญบัญชาสามารถร้องเรียนได้หากไม่ได้รับความเป็นธรรมการประเมินผลงานให้
- ผลประเมินของบริษัทถือเป็นที่สิ้นสุดไม่สามารถโต้แย้งใด ๆ หลังจากประกาศผลประเมิน
- หลักการที่ใช้ในการประเมิน
- การประเมินบุคคลมีผลโดยตรงต่อการปรับขั้นในตำแหน่ง โดยใช้แบบประเมิน 5 ด้าน
แบบประเมินบุคคล 5 ด้าน - ประเมินผลงานมีผลโดยตรงต่อการปรับขั้นในตำแหน่งการและการได้รับโบนัส
แบบประเมิน KPI - การใช้ OKRs ไม่สามารถนำมาประเมินผลได้ เป็นเพียงเครื่องมือในการจูงใจหรือตั้งเป้าหมายในการทำงานเท่านั้น
บทความเรื่อง OKRs
- การประเมินบุคคลมีผลโดยตรงต่อการปรับขั้นในตำแหน่ง โดยใช้แบบประเมิน 5 ด้าน
3.9 การเลื่อนตำแหน่ง
- พนักงานทุกคนจะมีสิทธิในการเลื่อนตำแหน่งสำหรับตำแหน่งที่ว่างลงในบริษัท อย่างไรก็ตามบริษัทขอสงวนสิทธิในการตัดสินใจหาพนักงานเข้าทำงานในตำแหน่งที่ว่างลงนั้นจากผู้สมัครอื่นภายนอกบริษัท
- การเลื่อนตำแหน่งภายในนั้นจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจจากทางบริษัท
- การเลื่อนตำแหน่ง ไม่สามารถเลื่อนได้ทันทีโดยเงื่อนไขเป็นไปตามระเบียบ
- แผนกบุคคลจะเป็นผู้ทำหนังสือแต่งตั้งและปิดประกาศ
FORM-HR-021 ตัวอย่างแบบฟอร์มหนังสือโยกย้าย / เลือนตําแหน่งพนักงาน
3.10 ปรับขึ้นเงินเดือน
- การขึ้นเงินเดือนประจำปีนั้นจะไม่ได้รับการอนุมัติอย่างอัตโนมัติแต่จะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ
- เป็นไปตามข้อปฏิบัติ ประเมินผลการปฏิบัติงาน
- คำแนะนำในเรื่องของการจัดสรรเงินเดือนจากทางรัฐบาล
- สถานะทางการเงินของบริษัท
- ต้องไม่ถูกพักงานในรอบการทำงานที่ผ่านมา
3.11 โอนย้าย
- พนักงานทุกคนอาจจะต้องโอนย้ายงานภายใต้การตัดสินใจจากทางบริษัท
FORM-HR-021 ตัวอย่างแบบฟอร์มหนังสือโยกย้าย / เลือนตําแหน่งพนักงาน - พนักงานสามารถเสนอย้ายตำแหน่งเองได้ การพิจารณาต้องได้รับคำยินยอมจากผู้บังคับบัญชาเดิม และผู้บังคับบัญชาใหม่ หรือตัวแทนผู้มีอำนาจของบริษัท แต่ผลการพิจารณาอยู่ที่บริษัทเป็นผู้ตัดสินใจ
- แผนกทรัพยากรบุคคลต้องทำหนังสือแต่งตั้งและปิดประกาศ
- พนักงานทุกคนอาจจะต้องโอนย้ายงานภายใต้การตัดสินใจจากทางบริษัท
3.12 การเกษียณอายุ
- อายุของการเกษียณการทำงานโดยปกตินั้นจะอยู่ที่ 55 ปี การทำงานอาจจะได้รับการขยายระยะเวลาภายใต้การตัดสินใจจากทางบริษัทภายหลังจากที่มีอายุครบกำหนดดังกล่าว
- ในกรณีที่ไม่มีใบสูติบัตรนั้นวันเกิดที่แสดงในบัตรประจำตัวประชาชนจะถูกพิจารณาให้เป็นวันเกิดเพื่อวัตถุประสงค์ในการกำหนดวันเกษียณอายุ
- ในกรณีที่บัตรประจำตัวประชาชนระบุแต่เพียงปีที่เกิดนั้นให้ถือว่าวันที่ 31 ธันวาคมเป็นวันเกษียณอายุ
- กฎหมายคุ้มครองแรงงาน บัญญัติเกี่ยวกับการเกษียณอายุและการจ่ายค่าชดเชยเรื่องการเกษียณอายุการทำงาน ดังนี้
- ลูกจ้างที่ทำงานมาครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปีได้ค่าชดเชย 30 วัน
- ลูกจ้างที่หากทำงานครบ 1 ปี แต่ไม่ครบ 3 ปี ได้ค่าชดเชย 90 วัน
- ลูกจ้างที่ทำงานครบ 3 ปี แต่ไม่ครบ 6 ปี ได้รับเงินชดเชย 180 วัน
- ลูกจ้างที่ทำงานครบ 6 ปี แต่ไม่ครบ 10 ปี ได้รับเงินชดเชย 240 วัน
- ลูกจ้างที่ทำงานครบ 10 ปี แต่ไม่ครบ 20 ปี ได้รับเงินชดเชย 300 วัน
- ลูกจ้างที่ทำงานครบ 20 ปีขึ้นไป ได้รับเงินชดเชย 400 วัน
ตัวอย่าง นาย ก เกิดวันที่ 12 ตุลาคม 2508 เริ่มงาน 1 กันยายน 2549 เงินเดือน 15,000 บาท
นาย ก.จะได้รับ เงินเกษียณ (อายุงาน14 ปี )ในงวดเดือน ตุลาคม 2563 เป็นจำนวนเงิน 165,000 บาท
วิธีการ
เงินเกษียณ(อายุงาน14 ปี ได้รับ 300 วัน 15,000/30 =500*300 วัน) =150,000 บาท
เงินเดือนประจำงวด ตุลาคม 2563 = 15,000 บาท
นำเงินทั้งสองมารวมกัน 150,000 +15,000 = 165,000 บาท (การคำนวนยังไม่รวมการหักประกันสังคม และภาษี )
3.13 การแจ้งเท็จ
ในช่วงเวลาใดๆหลังจากการแต่งตั้งพนักงานถูกพบว่าแสดงคำบอกกล่าวรายละเอียดหรือข้อมูลที่เกี่ยวกับงานที่เป็นเท็จนั้นถือเป็นการกระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรงบริษัทมีสิทธิไล่ออกได้ทันทีและไม่ได้รับค่าชดเชยผลตอบแทนตามกฎหมาย
3.14 สิ้นสุดสัญญาจ้าง
ประเภทของการสิ้นสุดสัญญาจ้าง
- ไม่ผ่านการทดลองงาน
- ครบกำหนดตามสัญญาจ้าง
- ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามระเบียบฉบับนี้
- พนักงานเสียชีวิต
- ไล่ออกเนื่องมาจากความผิดจากการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง, การประพฤติผิดหรือการละเลยของพนักงาน
- ลาออก
- ให้ออกโดยไม่มีความผิด
- มีอ้างขอที่จะบอกเลิกสัญญาจ้าง เช่น ตกลงให้ประจำสำนักงานที่ กทม. แต่เมื่อปฏิบัติงานจริงให้ประจำที่ ต่างจังหวัด
- ปลดออก
- การระบุของแพทย์ที่มีคุณสมบัติเกี่ยวกับความไม่สามารถปฏิบัติงานของพนักงานได้อันเนื่องมาจากเรื่องสุขภาพ
การจ่ายค่าชดเชยให้ออกโดยไม่มีความผิด
ใช้หลักการเดียวกับการการจ่ายค่าชดเชยเรื่องการเกษียณอายุการทำงาน เพียงแต่ว่าจะต้องมีการบอกกล่าวล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วัน หากไม่บอกกล่าวให้แก่ลูกจ้างทราบล่วงหน้าจะต้องจ่ายค่าบอกกล่าวเพิ่มเติมอีก 30 วัน
ตัวอย่าง เช่นนาย ก เริ่มงาน 1 กันยายน 2549 เงินเดือน 15,000 บาท เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2563มีเอกสารแจ้งจ้างออก มีผลในวันที่ 30 ตุลาคม 2563 จะได้รับ เงินชดเชย (อายุงาน14 ปี ) ใน งวดเดือน ตุลาคม 2563
เงินชดเชยจ้างออก(อายุงาน14 ปี ได้รับ 300 วัน 15,000/30 =500*300 วัน) =150,000 บาท
เงินเดือนประจำงวด ตุลาคม 2563 = 15,000 บาท
เงินค่าบอกกล่าวล่วงหน้า 30 วัน(ได้รับ 30 วัน 15,000/30 =500*30 วัน) = 15,000 บาท
150,000 +15,000+15000 = 180,000 บาท (การคำนวนยังไม่รวมการหักประกันสังคมและภาษี )
- ข้อปฏิบัติของการเลิกจ้าง
- การแจ้งการเลิกจ้างงานนั้นจะต้องเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรลงลายมือชื่อและส่งให้กับหัวหน้างานของพนักงานนั้นโดยตรง
- เจ้าหน้าที่ทรัพยากรบุคคลจะรับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยของทรัพย์สินต่างๆของบริษัท (เครื่องคอมพิวเตอร์, อุปกรณ์, กุญแจและอื่นๆ) ในส่วนของพนักงาน
- เจ้าหน้าที่ทรัพยากรบุคคลจะรับผิดชอบในการทำให้แน่ใจว่าเช็คเงินเดือนเดือนสุดท้ายของพนักงานจะถูกจัดเตรียมและจะทำการสัมภาษณ์ก่อนออกจากงานระยะเวลาในการแจ้งล่วงหน้าสำหรับการเลิกจ้างงานของพนักงานจะระบุอยู่ในหนังสือแจ้งพ้นสภาพ
FORM-HR-003 ใบลาออก
3.15 ส่งมอบงานก่อนสิ้นสุดสัญญาจ้าง
- ก่อนพ้นสภาพการเป็นพนักงาน จะต้องมีการส่งมอบภาระงาน โดยระบุรายละเอียดของงานให้ชัดเจน ต้องสร้างแบบฟอร์ม ให้เป็นลักษณะเดียวกันของพนักงานแต่ละฝ่าย / ตำแหน่ง และบริษัทจะไม่รับสมัครพนักงานที่ไม่ส่งมอบงานกลับเข้ามาทำงานใหม่
FORM-HR-029 แบบฟอร์มส่งมอบงานกรณีลาออก
3.16 บุคคลที่พ้นจากการเป็นพนักงานแล้ว
- หากในการปฏิบัติงานของบุคคลนั้นในระหว่างที่เป็นพนักงานก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทให้บุคคลดังกล่าวต้องรับผิดชอบในความเสียหายดังกล่าวเว้นแต่ความเสียหายนั้นเกิดจากเหตุสุดวิสัย ในการนี้บริษัทสามารถเรียกค่าเสียหายหรือเงินอื่นใดที่บุคคลนั้นเพื่อชำระค่าความเสียหายดังกล่าว
- พนักงานปัจจุบันต้องไม่ติดต่อเรื่องงานเพื่อหาข้อมูลที่สามารถหาเองได้ในปัจจุบัน
- หากมีความจำเป็นจริง ต้องให้มีหัวหน้างานรับทราบและต้องไม่เปิดเผยข้อมูลปัจจุบันของบริษัทหากพบว่าไม่เป็นไปตามข้อกำหนดให้ถือเป็นความผิดทางวินัย
- เมื่อพนักงานพ้นสภาพจากการเป็นพนักงานของบริษัทจะต้องไม่ประกอบธุรกิจ หรือประกอบกิจการประเภทเดียวกันอันเป็นการขัดผลประโยชน์ต่อบริษัท ภายในระยะเวลา 5 ปี หากละเมิดและตรวจพบบริษัทมีสิทธิดำเนินคดีเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายตามกฏหมายได้
3.17 การรับบุคคลที่เคยเป็นพนักงานกลับเขามาทำงานใหม่
- ต้องไม่ทำผิดกฎข้อ ส่งมอบงานก่อนสิ้นสุดสัญญาจ้าง
- เริ่มนับอายุงานและสัญญาจ้างใหม่
- ต้องไม่เคยถูกไล่ออกจากบริษัทภายในระยะเวลา 5 ปี
4. กฎข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน
4.1 ข้อบังคับพนักงานทุกคน
- พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 108 กำหนดให้นายจ้างที่มีลูกจ้างรวมกันตั้งแต่สิบคน ขึ้นไปจัดให้มีข้อบังคับเกี่ยวกับการทํางานเป็นภาษาไทย โดยเจตนารมณ์ของกฎหมายในการให้จัดทำข้อบังคับเกี่ยวกับการทํางานทำขึ้นก็เพื่อกำหนดสิทธิหน้าที่ระหว่างนายจ้างและลูกจ้างที่พึงปฏิบัติต่อกัน ให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการทำงานและเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการขัดแย้งซึ่งกันละกัน
- วินัยและการรักษาวินัย
พนักงานต้องปฏิบัติตามวินัยและรักษาวินัยดังต่อไปนี้
- มีหน้าที่ต้องปฏิบัติงานตามที่กำหนดในระเบียบการนี้และตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญาจ้าง
- มีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาซึ่งสั่งในหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบการขององค์กร
- รักษานโยบาย กฎข้อบังคับ ข้อห้าม ตามที่บริษัทกำหนด
- ต้องดูแลรักษาทรัพย์สินบริษัทเสมือนหนึ่งทรัพย์สินของตน
- ต้องดูแลรักษาความสะอาดเสมือนหนึ่งเป็นสถานที่พักอาศัยของตน
- ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและขยันหมั่นเพียร
- ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจ สุขุมรอบคอบ และด้วยความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ
- ใช้เวลาในการทำงานทั้งหมดของตนให้เป็นประโยชน์ต่องานตามหน้าที่
- ไม่ทำงานให้กับบุคคลหรือองค์กรอื่นใด อันอาจกระทบและก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทฯ ทั้งนี้ไม่ว่าจะได้รับค่าจ้างหรือผลประโยชน์ตอบแทนหรือไม่
- ห้ามพนักงานปิดประกาศ นัดพบ ประชุม อภิปราย ภายในบริษัทฯ รวมทั้งจำหน่ายจ่ายแจกเอกสารภายในบริษัทฯ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากตัวแทนบริษัท
- ห้ามนำบุคคลภายนอกเข้ามาภายในบริเวณบริษัทโดยไม่ได้รับอนุญาต
- ห้ามละทิ้งหน้าที่,การงานและความรับผิดชอบต่อบริษัทเพื่อไปทำประโยชน์ส่วนตัว
- ไม่ทำการใดๆที่มีผลต่อการเสื่อมเสียของบริษัท เช่น การโพสต์ข้อความให้ร้ายบริษัทผ่าน Social Media
- ไม่กระทำการใดๆ ที่แสดงถึงความบกพร่องในหน้าที่ และความรับผิดชอบในงานของท่าน
- ปฏิบัติตนอย่างสุภาพ อ่อนน้อม ในการประสานงาน และไม่กระทำการใดๆ ที่เป็นการขัดขืนคำสั่งของผู้บังคับบัญชา
- รักษาความลับและข้อมูลของบริษัทในทุกเรื่องอาทิ บัญชี ข้อมูลการแลกเปลี่ยนทางการค้า ความสัมพันธ์ของหน่วยธุรกิจและข้อมูลอื่นใดที่มีความสำคัญต่อบริษัทและลูกค้าของบริษัท
- ไม่มีการใช้สารเสพติดใดๆเว้นเฉพาะในกรณีที่มีคำสั่งแพทย์ให้ใช้สารเสพติดดังกล่าว การใช้หรือการแจกจ่ายสารเสพติดใดๆ ถือเป็นการกระทำที่ร้ายแรงที่สุดของระเบียบการปฏิบัติงานภายในบริษัท พนักงานดังกล่าวจะให้ออกจากการปฏิบัติหน้าที่ในทันที และดำเนินคดีตามกฎหมาย
- การครอบครองอย่างไม่มีใบอนุญาติหรือการเก็บรักษาทรัพย์สินของบริษัทอย่างไม่ได้รับการอนุญาติจะสามารถส่งผลให้พนักงานดังกล่าวออกจากการปฏิบัติหน้าที่ในทันที
- ไม่นำทรัพย์สินของบริษัทไปใช้ในทางผิดกฏหมาย ก่ออาชญากรรม หรือสร้างความไม่สงบให้แก่สังคม
- มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่เอาเปรียบเพื่อนร่วมงาน
- การละเมิดฝ่าฝืน
บริษัทจะพิจารณาการกระทำบางอย่างของพนักงานอย่างเคร่งครัด เนื่องจากการกระทำบางอย่างนี้ สามารถส่งผลเสียให้แก่บริษัท อาทิ ภาพลักษณ์ของบริษัท การสร้างความแตกแยกแก่พนักงาน และหรือเป็นผลเสียต่อผลประโยชน์ของพนักงาน การกระทำที่ผิดกฏหมายดังกล่าวนั้นทางบริษัทจะดำเนินการต่อไปอย่างเคร่งครัด การกระทำตามที่ระบุไว้ข้างล่างนี้เป็นตัวอย่างของการกระทำผิดซึ่งเป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้นโดยไม่ใช่รายละเอียดทั้งหมด
- การขโมยทรัพย์สินของบริษัทหรือพนักงานท่านอื่น ภายในพื้นที่ของบริษัท
- การทำร้ายร่างกายพนักงาน
- นำพาบุคคลภายนอกเข้ามาก่อความวุ่นวายภายในอาณาบริเวณบริษัท
- การทำทรัพย์สิน ข้าวของของบริษัทเสียหาย
- เปิดเผยข้อมูลสำคัญแก่ผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาต
- การให้ข้อมูลบิดเบือน หรือข้อมูลผิด เพื่อที่จะได้รับการจ้างงาน
- การหลอกลวงทางข้อมูลส่วนตัวแก่ทางบริษัท รวมไปถึงข้อมูลเท็จต่างๆ
- เมาสุราหรือสารเสพติดขณะชั่วโมงทำงาน หรือขับรถในขณะมึนเมา
- ฝ่าฝืนระเบียบของการรักษาความปลอดภัย และเป็นอันตรายต่อพนักงานหรือบุคคลอื่น
- ไม่เคารพ ไม่เชื่อฟัง หรือตั้งใจจะฝ่าฝืนกฏหมาย หรือคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา
- การขัดขวางการทำงาน หรือตั้งใจทำให้การทำงานช้าลง หรือมีอิทธิพลให้พนักงานท่านอื่นทำงานช้าลงหรือขัดขวางการทำงาน
- ครอบครองอาวุธที่เป็นอันตรายภายในพื้นที่ของบริษัท
- ตกอยู่ในคำสั่งของตำรวจและพิสูจน์แล้วว่ามีความผิดจริง
- เป็นผู้ต้องหาในข้อหาทางอาชญากรรม
- นอนหลับในขณะทำงาน
- ทำการพนันในขณะปฏิบัติงาน
- เสพหรือจำหน่ายสารเสพติดใด ๆ
- มีคำสั่งศาลอาญาในข้อหาใดๆ ที่ไม่ใช่คดีลหุโทษ
- การกระทำใดๆที่เป็นข้อห้าม หรือการกระทำที่ร้ายแรงซึ่งสามารถส่งผลเสียให้แก่ทางบริษัท
- หมิ่นสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ภายในบริษัท
- การแต่งกาย
- พนักงานที่ผ่านการทดลองแล้วจะได้รับชุดแบบฟอร์มท่านละ 2 ชุดปีปัจจุบัน
- พนักงานทุกคนจะต้องแต่งกายให้เหมาะสมกับการทำงานดังต่อไปนี้
ชาย
ที่สำนักงาน แต่งกายแบบเรียบร้อย – เหมาะสมกับความคาดหวังของลูกค้า
ชุดแบบฟอร์มที่ทางบริษัทจัดหาให้ ทุกวันจันทร์ และพุธ
ที่สถานที่ทำงานของลูกค้า กางเกงขายาว, เสื้อเชิ้ต, ควรใส่เสื้อนอกเวลาเข้าประชุมตามกฎระเบียบการเข้าสถานที่นั้นๆ
หญิง
ที่สำนักงาน แต่งกายแบบเรียบร้อย – เหมาะสมกับความคาดหวังของลูกค้า
ชุดแบบฟอร์มที่ทางบริษัทจัดหาให้ ทุกวันจันทร์ และพุธ
ที่สถานที่ทำงานของลูกค้า กางเกงขายาว, กระโปรง, เสื้อสำหรับผู้หญิง ควรใส่เสื้อนอกเวลาเข้าประชุมตามกฎระเบียบการเข้าสถานที่นั้นๆ
- วันและเวลาทำงาน
วันและเวลาทำงานปกติ
- วันทำงานปกติ จันทร์ – ศุกร์ เวลา 8.00 – 12.00 น. และ 13.00 – 17.00 น.
- เวลาพักระหว่างวัน วันละ 1 ชั่วโมง เวลา 12.00 – 13.00 น.
- วันประชุมประจำเดือน 1 วัน ในวันศุกร์สัปดาห์แรกของเดือน เวลา 18.00 - 19.00 น. ถ้าตรงกับวันหยุดให้เลื่อนเป็นวันศุกร์สัปดาห์ถัดไป
ตารางประชุมประจำเดือน ปี
- บริษัทสามารถจัดทำกำหนดเวลาการทำงาน ใหม่ที่แตกต่างกับที่กล่าวมานี้ได้หากมีความจำเป็นที่จะต้องกระทำเช่นนั้น และในกรณีดังกล่าวบริษัทจะแจ้งให้พนักงานทราบล่วงหน้าถึงชั่วโมงการทำงานซึ่งจะต้องไม่เกินกว่าชั่วโมงทำงานตามปกติ โดยได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง
- วันหยุดประจำสัปดาห์ คือ วันเสาร์ และวันอาทิตย์
- วันหยุดตามประเพณี
บริษัทกำหนดให้มีวันหยุดตามประเพณีปีหนึ่งไม่น้อยกว่า 13 วัน ทั้งนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงวันหยุดได้ตามความเหมาะสมในแต่ละปี โดยรวมวันแรงงานแห่งชาติด้วยและพนักงานจะได้รับค่าจ้างเท่ากับค่าจ้างในวันทำงาน ซึ่งบริษัทจะประกาศให้ทราบ ล่วงหน้าภายในเดือนธันวาคมของทุกปี ถ้าวันหยุดตามประเพณีตรงกับวันหยุดประจำสัปดาห์ให้หยุดชดเชยวันหยุดตามประเพณีวันนั้นไปหยุดในวันทำงานถัดไป
- วันหยุดพิเศษ บริษัทจะพิจารณาและประกาศให้พนักงานหยุดงานในวันหยุดพิเศษตามประกาศจากทางรัฐบาล
- การจ่ายเงินเดือน
ทางบริษัทกระทำการจ่ายเงินเดือนทุกวันสิ้นสุดของทุกเดือน หากตรงกับวันเสาร์ – อาทิตย์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ให้เลื่อนเป็นวันก่อนหน้า และจะโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร ทหารไทย เท่านั้น
- เกณฑ์ทำงานล่วงเวลาและทำงานในวันหยุด
- ในกรณีที่มีงานเป็นลักษณะจำเป็นต้องทำติดต่อกัน ถ้าหยุดจะเสียหายแก่งาน หรือกรณีนั้นเป็นงานฉุกเฉินเร่งด่วน โดยจะหยุดเสียมิได้บริษัทมีสิทธิให้พนักงานคนหนึ่งคนใด หรือหลายคน ทำงานล่วงเวลาได้เท่าที่จำเป็น
- การทำงานล่วงเวลา หรือการทำงานในวันหยุดของพนักงานทุกครั้งจะต้องได้รับอนุมัติจากผู้บังคับบัญชา และเมื่อผู้บังคับบัญชาได้พิจารณาอนุมัติพนักงานจึงจะสามารถทำงานล่วงเวลา หรือทำงานในวันหยุดได้
FORM-HR-031 แบบฟอร์มหนังสือขออนุมัติทำงานล่วงเวลา
- การบันทึกเวลาเข้างาน มาสาย และขาดงาน
ให้ดูหัวข้อ 4 (การมาสาย และการขาดงาน)
- การขาดงานโดยไม่ได้รับการอนุญาติหรือเหตุอันสมควร
ให้ดูหัวข้อ 4(การมาสาย และการขาดงาน)
- การไม่อยู่ในที่ทำงาน
พนักงานทุกคนจะต้องไม่ออกจากสถานที่ทำงานโดยไม่เห็นจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นเพราะธุระส่วนตัวหรือธุระจากทางบริษัทก็ตาม โดยไม่ได้รับการอนุญาติจากผู้บังคับบัญชาโดยตรงหรือสูงกว่า
- การเบิกเงินค่าจ้างล่วงหน้า
- ไม่สามารถเบิกเงินเดือนล่วงหน้าทุกกรณี
- ไม่สามารถกู้เงินกับบริษัทและผ่อนชำระทุกกรณี
- การเบิกเงินที่สำรองจ่ายไปล่วงหน้า
- เงินสำรองจ่ายล่วงหน้า ที่สามารถเบิกเงินได้จากการซื้อสินค้าหรือบริการ
- สินค้า , อุปกรณ์ , วัสดุสิ้นเปลืองงานช่าง , ทรัพย์สินใดๆ ที่นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่บริษัท สามารถเบิกเงินสำรองล่วงหน้าได้ โดยกรอกแบบฟอร์มเบิกเงินสำรองจ่าย
- บริการ / การจ้างทำของ
- ค่าเดินทาง
- อากรต่างๆ
- ค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่เกิดจากการทำธุรกรรม
- ค่าบำรุงยานพาหนะของบริษัท
- ในการเบิกจะต้องแนบใบเสร็จทุกครั้ง หากไม่มีใบเสร็จรับเงิน ให้เขียนใบรับรองแทนใบเสร็จรับเงิน
- ในการเบิกจะต้องแนบใบเสร็จทุกครั้ง หากไม่มีใบเสร็จรับเงิน ให้เขียนใบรับรองแทนใบเสร็จรับเงิน
FORM-AC-033 ใบรับรองแทนใบเสร็จรับเงิน
- ผู้เบิกเงินต้องเขียนแบบฟอร์มแล้วส่งให้ผู้บังคับบัญชาไม่เกิน 5 วันทำการหลังจากสำรองจ่ายไป
- กรณีฉุกเฉิน และเป็นทรัพย์สินของบริษัท ให้โทรแจ้งฝ่ายบัญชีสามารถเบิกได้ทันที
- กรณีสำรองจ่ายโดยไม่เขียนแบบฟอร์มบริษัทจะไม่ให้เบิกทุกกรณี
- เงินสำรองจ่ายที่นำเอกสารมาเบิกมีเงื่อนไขการได้รับเงินดังนี้
- วันที่ 1-15 ของเดือนจะได้รับเงินในวันสิ้นเดือนของเดือนนั้นๆ
- วันที่ 16-สิ้นเดือน จะได้รับเงินในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป
ตัวอย่าง
- เจ้าหน้าที่ขายนำเอกสารมาเบิกเงินวันที่ 18 ส.ค. จะได้รับเงินวันที่ 15 ก.ย.
- เจ้าหน้าที่ขายนำเอกสารมาเบิกเงินวันที่ 10 ส.ค. จะได้รับเงินวันที่ 31 ส.ค.
FORM-AC-034 ตัวอย่างแบบฟอร์มขอเบิกเงินสำรองจ่าย
- การซื้อทรัพย์สินเพื่อใช้ในแผนก
การซื้อทรัพย์สินนั้นจะต้องตรวจสอบความจำเป็นในการใช้งาน และหากมีความจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากหัวหน้าแผนกจึงจะดำเนินการสั่งซื้อได้
- กรอกแบบฟอร์มการขอซื้อสั่งซื้อทรัพย์สิน`
วิธีการขอซื้อ สั่งซื้อ
- ทรัพย์สินที่จะลงทะเบียนสินทรัพย์ต้องมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 3,000 บาท โดยจะประกอบไปด้วย
- อุปกรณ์สำนักงาน
- เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์
- เครื่องมือเครื่องใช้ เช่น โทรศัพท์มือถือ , เครื่องจักรกล , เครื่องใช้ไฟฟ้า
- ยานพาหนะ
- โปรแกรมสำเร็จรูป
- เฟอร์นิเจอร์
- อุปกรณ์ส่วนควบสำนักงาน เช่น แอร์ , พัดลม , โคมไฟ
- การซื้อสินทรัพย์ทุกครั้งต้องได้รับใบกำกับภาษีและใบเสร็จรับเงินเต็มรูปแบบเท่านั้น
- สินค้ามือสอง ที่สามารถเบิกเงินและสั่งซื้อได้ต้องมีใบกำกับภาษีหรือใบเสร็จรับเงินเท่านั้น
- การสั่งซื้อและการเบิกวัสดุสิ้นเปลืองสำนักงาน
- พนักงานภายในบริษัท เบิกวัสดุสิ้นเปลืองจากคลังพัสดุต้องกรอกแบบฟอร์มเบิกและให้หัวหน้าอนุมัติก่อนเบิก สั่งวัสดุสิ้นเปลืองตามรอบการสั่งซื้อ
ตารางซื้อวัสดุสิ้นเปลือง
- เป็นหน้าที่ของแผนกจัดซื้อสั่งซื้อ ทำ PO เหมือนการสั่งซื้อสินค้าปกติ
- Mouse พนักงานสามารถเบิกเงิน 200 บาท/ ปี ส่วนเกินให้พนักงานจ่ายเอง
- ผลประโยชน์ทับซ้อน
- ห้ามเข้าร่วมทำกิจกรรมใดๆ หรือเกี่ยวข้องกับธุรกิจภายนอกบริษัทใดๆ ที่อาจจะส่งผลต่อความขัดแย้งหรือผลประโยชน์ของบริษัทได้
- ห้ามรับหรือให้สินบนกับพนักงานภายใน และบุคคลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน
- ห้ามทำงานเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวในเวลางาน
- การเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ
ห้ามพนักงานเปิดเผยข้อมูลใดๆของบริษัทให้แก่สาธารณะหรือมีการพูดคุยเกี่ยวกับข้อมูลของบริษัทในที่สาธารณะอาทิ นโยบาย การตัดสินใจ หรือลักษณะของงานใดๆที่บริษัทรับผิดชอบอยู่ “การเขียนข้อความ บ่น/ตัดพ้อ นายจ้าง ย่อมมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ในการบริหารของนายจ้าง ซึ่งมีความสำคัญต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการของลูกค้า การกระทำของลูกจ้างที่โพสต์บ่น/ตัดพ้อนายจ้างจึงเป็นการจงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 119 (2) และเป็นการกระทำประการอื่นอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้อง และสุจริต ตาม ป.พ.พ. มาตรา 583 นายจ้างเลิกจ้างได้ ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย และสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า”หากมีผู้กระทำตามในรูปแบบนี้ก็อาจจะไม่เป็นความผิดเสมอไป ซึ่งในแต่ละกรณีนั้นจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไปหรืออาจมีความผิดมากกว่าหนึ่งกรณี
- การส่งข้อมูล , เอกสารสำคัญ ให้บุคคลภายนอก
- ห้ามมีการส่งเอกสารสำคัญให้แก่บุคคลภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้องโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยมีเอกสารดังต่อไปนี้
- รายการเดินบัญชีธนาคารบริษัท , เช็คธนาคาร
- งบการเงินบริษัท
- รายชื่อลูกค้า , รายชื่อผู้จำหน่าย
- รายการสินค้า
- ใบสั่งซื้อ
- ใบเสนอราคา
- สูตรการผลิต การประกอบ การผสม
- คู่มือบริษัท
- ข้อมูลส่วนตัวของพนักงาน
- ข้อมูลอื่นๆ ที่สามารถสร้างความเสียหายให้กับบริษัท
- การละเมิดฝ่าฝืนถือเป็นการกระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรงและเอกสารจะต้องถูกเซ็นโดยผู้มีอำนาจลงนามเท่านั้น
- เอกสารจะต้องถูกระบุจุดประสงค์ในการใช้งานเฉพาะเจาะจงและระบุวันที่กำกับเท่านั้น
- การเก็บรักษาเอกสารบริษัท
- เอกสารสำคัญ
- พนักงงานต้องจัดเก็บเอกสารและดูแลรับผิดชอบ ไม่ให้เสียหายและไม่อนุญาตให้นำออกไปเผยแพร่
- เอกสารบางส่วนที่เป็นความลับเฉพาะต้องไม่เผยแพร่ระหว่างแผนกเช่นกันทั้ง Paper และ file ควรจัดเก็บรักษาดูแลให้เป็นสัดส่วน
- เก็บรักษาทั้งต้นฉบับและสำเนา
- เอกสารทั่วไป
- ต้องจัดเก็บรักษาดูแลให้เป็นสัดส่วน
- เก็บรักษาทั้งต้นฉบับและสำเนา
- การเก็บรักษาไฟล์
การจัดเก็บรักษาไฟล์ให้เก็บไว้ตามคู่มือและตั้งชื่อไฟล์ตามข้อกำหนดและนโยบาย
คู่มือการเก็บรักษาไฟล์
- การทำลายเอกสารและลบไฟล์อย่างถาวร
ให้สำรองไฟล์งานเข้าระบบที่จัดไว้ให้นอกเหนือจากนั้นให้ถือว่าลบได้อย่างถาวรทั้งหมด หากไม่จัดเก็บเข้าระบบออนไลน์ของบริษัทถือว่าละเลยการปฎิบัติหน้าที่
- รูปแบบการทำลายเอกสาร
- ทำลายเพื่อนำไปใช้ต่อ (Reuse)
- เอกสารที่สามารถในไปทำเป็นกระดาษ reuse ได้คือ
- สเปคสินค้า , เอกสารที่ไม่มีชื่อบริษัท , ชื่อลูกค้า-ผู้จำหน่าย
- เอกสารที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงาน
- ต้องขีดฆ่าหน้าที่ใช้แล้วด้วยปากกาหรือตราปั๊มยกเลิกเท่านั้น
- กระดาษ A4 ให้นำไปตัดเป็นกระดาษ A5
- ทำลายอย่างสิ้นเชิง
- ให้นำไปทำลายที่เครื่องย่อยกระดาษ (เครื่องทำลายเอกสาร)
- เผาทำลาย
- สัตว์เลี้ยงในสถานประกอบการ
ต้องได้รับการยินยอมจากพนักงานหรือผู้บริหารกรณีที่นำสัตว์เสี้ยงเข้ามาในสถานประกอบการและต้องจำกัดพื้นที่ให้อยู่ในบริษัทที่ทางบริษัทกำหนด
- การเบิก-ยืมสินค้า
- ห้ามนำสินค้าออกจากบริษัทโดยไม่ได้รับอนุญาต
- ต้องมีการทำเบิกโดยเอกสารใบกำกับภาษี ใบเบิกสินค้า หรือใบยืมสินค้าเท่านั้น
- การเบิกสินค้าจะต้องเบิกกับกับแผนกคลังสินค้าเท่านั้น
- การสมัครบัญชีเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
- E-mail พนักงานทุกคนต้องสมัครอีเมลของตนเองเป็นบัญชีทางการในการทำงานรูปแบบดังนี้ name.surname@gmail.com
- WP , ODOO , Next Cloud , Login Windows แผนกไอทีจะเป็นผู้สมัครให้ หลังจากที่ได้รับรหัสให้ดำเนินการเปลี่ยนทันที
- รหัสทุกอย่างต้องสมัครให้เสร็จภายใน 7 วันหลังจากมาทำงาน
5. กฎข้อบังคับแยกตามแผนก
5.1 กฎข้อบังคับแผนกขาย
- รายงานประจำเดือน
- พนักงงานขายทุกคนต้องส่งรายงานประจำเดือนให้กับผู้จัดการฝ่ายในระยะเวลาที่กำหนด
- ให้ปฏิบัติตามคู่มือและขั้นตอนปฏิบัติงานฝ่ายขาย
- รายงานประจำปี
- อำนาจการตัดสินใจ
- พนักงานขายต้องขายสินค้าไม่ต่ำกว่าราคาขายที่บางบริษัทกำหนดไว้
- ให้ปฏิบัติตามคู่มือและขั้นตอนปฏิบัติงานฝ่ายขาย
- ดำเนินงานตามหน้าที่
- ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของเจ้าของสถานประกอบกิจการ หรือผลิตภัณฑ์ โดยส่งเสริมการขายเพื่อให้สินค้ากระจายไปสู่ผู้บริโภคได้มากขึ้นอย่างทั่วถึง และช่วยประสานงานการส่งเสริมการตลาดให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายขององค์กรที่ตั้งไว้
- ติดต่อลูกค้าเพื่อทำการขายการเจรจาสื่อสารระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อหรือกลุ่มผู้ที่คาดหวังว่าจะเป็นลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้ผู้ซื้อรู้จักสินค้ากระตุ้นความสนใจ และสร้างความพอใจในตัวสินค้า
- เจรจาเรื่องเงื่อนไขการซื้อขาย และให้คำปรึกษาแก่ลูกค้ารวมทั้งแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นก่อนการขายและหลังการขาย
- ให้บริการหลังการขายแก่ลูกค้า เช่นการตรวจสอบผลิตภัณฑ์หลังการซื้อสินค้า หรือเปลี่ยนชิ้นส่วนที่ชำรุดให้แก่ลูกค้า เป็นต้น
- เจ้าหน้าที่ขายต้องสามารถทำงาน ณ. สถานที่ขายสินค้าซึ่งกำหนดไว้ เช่น การออกบูธ งานแสดงสินค้าต่างๆ ตามสถานที่บริษัทจัดเตรียมไว้
- ติดตามการชำระเงินจากลูกค้า
- ปฏิบัติตามคู่มือและขั้นตอนปฏิบัติงานฝ่ายขาย
- ค่านายหน้า
- อัตราการจ่ายค่านายหน้าเป็นไปตามตารางค่าคอมมิชชั่น
ตารางค่าคอมมิชชั่น
- การจ่ายค่านายหน้า บริษัทจะจ่ายค่านายหน้าก็ต่อเมื่อเจ้าหน้าที่ขายผ่านการทดลองงานแล้วเท่านั้น
- การรับเงินค่านายหน้า ยอดขายเงินสดและเงินเชื่อให้ปฏิบัติตามคู่มือและขั้นตอนปฏิบัติงานฝ่ายขาย
- การคืนเงินค่ามัดจำสินค้า , ยกเลิก , คืนสินค้า เจ้าหน้าที่ขายต้องคืนค่านายหน้าให้กับบริษัทของยอดตามใบกำกับภาษีนั้นๆ
5.2 กฎข้อบังคับแผนกจัดซื้อ
- รายงานประจำเดือน
- รวบรวมรายการการซื้อประจำเดือน
- การสั่งซื้อสินค้าต่างประเทศ
- การสั่งซื้อสินค้าในประเทศ
- รายงานการ Save Cost แต่ละเดือน
- รายงานประจำปี
- รายงานการประเมินผู้ขายประจำปี
- อำนาจการตัดสินใจ
- เจ้าหน้าที่จัดซื้อมีอำนาจการสั่งซื้อได้ไม่เกิน 5,000 บาท
- เจ้าหน้าที่จัดซื้ออาวุโสมีอำนาจการสั่งซื้อตั้งแต่ 5,000-10,000 บาท
- ผู้ช่วยผู้จัดการฝึกหัดฝ่ายจัดซื้อมีอำนาจการสั่งซื้อตั้งแต่ 10,001-18,000 บาท
- รองผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ 18,001-29,999 บาท
- ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ ตั้งแต่ 30,000บาท ขึ้นไปเป็นอำนาจการตัดสินใจของผู้จัดการ
- ดำเนินงานตามหน้าที่
- การดำเนินงานตามขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งวัตถุดิบ วัสดุ และสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่จำเป็นโดยมีคุณสมบัติ ปริมาณ ราคา ช่วงเวลา แหล่งขาย และการนำส่ง ณ สถานที่ถูกต้อง
- การวิเคราะห์ใบขอให้ซื้อ (Purchase Requisition) ซึ่งจะวิเคราะห์ถึงประเภทของสิ่งของและจำนวนที่ซื้อ
- ศึกษาถึงสภาวะตลาด แหล่งที่จะจัดซื้อ และผู้ขาย
- ส่งใบ Request for Quotations ไปยังผู้ขายหลาย ๆ แหล่ง
- รับและวิเคราะห์ใบ Request for Quotations
- เลือกผู้ขายที่เสนอราคาและเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ดีที่สุด
- คำนวณราคาของสิ่งของที่จะสั่งซื้อให้ถูกต้อง
- ส่งใบสั่งซื้อ (Purchase Order) ไปยังผู้ขายที่ต้องการจะซื้อ
- ติดตามผลให้เป็นไปตามที่ได้ติดต่อหรือตามสัญญา
- วิเคราะห์รายงานการรับรองของ
- วิเคราะห์และตรวจสอบใบกำกับสินค้า (Invoice) ของผู้ขายเพื่อการจ่ายเงิน
- เงื่อนไขการจ่ายชำระสินค้าเงินเชื่อ
- ให้แนบกำหนดการวางบิลของบริษัท ไปกับเอกสารใบสั่งซื้อใบแรกที่ได้รับเงื่อนไขชำระแบบเงินเชื่อ
กำหนดการวางบิล-รับชำระค่าสินค้า / บริการ
5.3 กฏข้อบังคับแผนกบัญชี
- รายงานประจำเดือน
- สรุปสัดส่วนประเภทลูกค้าและการรับชำระเงินจากลูกค้า
- สรุปยอดจ่ายชำระซัพพลายเออร์ประจำเดือน
- สถานะเงินสดประจำเดือน
- สรุปงบกำไรขาดทุนประจำเดือน
- สรุปยอดลูกหนี้คงค้างประจำเดือน
- สรุปยอดเจ้าหนี้คงค้างประจำเดือน
- ส่งรายงานภาษี
- ส่งเอกสารให้สำนักงานบัญชีไม่เกินวันที่ 10 ของทุกเดือน
- ชำระภาษี ภงด.1,3,53 ภพ.36 ภายในวันที่ 15 ของทุกเดือน
- ภพ.30 ภายในวันที่ 25 ของทุกเดือน
- ภธ.40 ตามรอบระยะเวลาบัญชีครึ่งปีและสิ้นปี
- ภงด.50,51 ตามรอบระยะเวลาบัญชีครึ่งปีและสิ้นปี
- อำนาจการตัดสินใจเบิกจ่าย
- พนักงานที่นำเอกสารมาเบิกเงินต้องมีการเซ็นอนุมัติจากหัวหน้าแผนกโดยเหตุผลที่เบิกและวงเงินเป็นไปตามข้อกำหนด
- เอกสารที่นำมาเบิกต้องถูกต้องครบถ้วนทั้งใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษีหากไม่ถูกต้องจะไม่อนุญาตให้เบิกทุกกรณี
- ขั้นตอนการดำเนินงานพื้นฐาน
มีหน้าที่ดำเนินการทางด้านบัญชีของบริษัท ตรวจสอบความถูกต้องด้านเอกสาร การรับ-จ่าย การเบิกจ่ายของเงินทุนหมุนเวียน การจัดทำรายงานทางการเงินและนำเสนอข้อมูลให้ผู้บริหารได้รับทราบ รวมไปถึงการจ่ายภาษีอากร การบันทึกบัญชี การประสานงานกับกรมสรรพากรและทางสำนักงานบัญชี ตลอดจนการดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบแบบแผนของทางบริษัท
- การขายสินทรัพย์
เมื่อบริษัทต้องการขายสินทรัพย์
- สินทรัพย์ที่ขายสามารถขายให้กับพนักงาน บุคคลอื่น หรือบริษัทอื่นๆ ที่ต้องการซื้อ
- เจ้าหน้าที่บัญชีมีหน้าที่ต้องออกใบกำกับภาษี และใบเสร็จรับเงิน ให้กับผู้ซื้อ (ออกเป็นฟอร์ม A4 ใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี(มี Vat ด้วย)
- หากต้องการขายในรูปแบบผ่อนชำระ จะต้องทำสัญญาซื้อขาย
FORM-AC-032 ตัวอย่างแบบฟอร์มสัญญาซื้อขาย
- สินทรัพย์ที่ขายมูลค่าจะต้องมากกว่าค่าเสื่อมคงเหลือ
- หากขายสินทรัพย์ต่ำกว่าราคาตลาดต้องมีการประเมินและรับรองจากผู้มีอำนาจและเหตุผลอันสมควรในการขายสินทรัพย์นั้นพร้อมทั้งหลักฐานว่าทำไมถึงขายสินทรัพย์ นั้นต่ำกว่าราคาตลาด
- การขายสินทรัพย์ถือเป็นรายได้ของบริษัท รายได้ที่ได้ต้องนำไปเข้าระบบคำนวณภาษีเงินได้
ขายสินทรัพย์ 2 ครั้งในวันที่
- ครั้งที่ 1 สัปดาห์สุดท้ายของเดือน มิถุนายน
- ครั้งที่ 2 สัปดาห์สุดท้ายของเดือน พฤศจิกายน
- รอบการจ่ายเงินค่าเบิกเงินล่วงหน้า
- ให้ดูที่หัวข้อ 3(การเบิกเงินที่สำรองจ่ายไปล่วงหน้า) ฃ
5.4 กฎข้อบังคับแผนกจัดส่ง
- รายงานประจำเดือน
- รายงานการจัดส่งสินค้า ทั้งส่งเอง ขนส่ง รับสินค้า อื่นๆของแต่ละเดือน
- อำนาจการตัดสินใจหน้างาน
- เจ้าหน้าที่จัดส่งจะต้องแจ้งหัวหน้าก่อน จะดำเนินงานอย่างไรตามคำสั่งของหัวหน้า
- เจ้าหน้าที่จัดส่งโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ขายโดยตรง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ขายตัดสินใจ
- ขั้นตอนการดำเนินงานพื้นฐาน
- รับบิลจากแผนกบัญชี เพื่อวางแผนในการจัดส่ง ว่าไปเส้นทางไหนบ้าง
- นำบิลไปเบิกของที่คลังสินค้า เพื่อตรวจสอบสินค้าก่อนส่ง ทั้งกรุงเทพฯ - ปริมณฑล และ ต่างจังหวัด
- สินค้าของลูกค้ากรุงเทพฯ-ปริมณฑล จะต้องตรวจสอบ และโทรสอบถามเส้นทาง เพื่อความถูกต้อง
- สินค้าของลูกค้าต่างจังหวัด ทำการแพ็คสินค้า นำส่งขนส่งเอกชน
- ถ้าแผนกบัญชีมีการวางบิล และ รับเช็ค ต้องตรวจสอบอีกที
- การใช้รถในการส่งของ
- รถบริษัทให้เบิกค่าน้ำมันได้ตามจริง
- ค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษาบริษัทเป็นผู้ชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมด
5.5 กฎข้อบังคับแผนกไอที
- ทำการ Full Back Up ข้อมูลทุกระบบทุกเดือน
- ข้อมูลย้อนหลังจะดูได้ล่าสุดไม่เกิน 7 วัน
5.6 กฎข้อบังคับแผนกทรัพยากรบุคคล
- ค่าตอบแทน และสวัสดิการ (Compensation & Benefit)
- รายงานพนักงานเข้าใหม่-ลาออก แจ้งออนไลน์ผ่านช่องทางหน้าเวป ประกันสังคมภายในไม่เกิน 15 วันหลังจากพนักงานเริ่มงาน หรือพ้นสภาพการเป็นพนักงาน
รายงานการแจ้งเข้า - ออกประกันสังคม - ชำระเงินสมทบออนไลน์ผ่านช่องทางหน้าเวป ประกันสังคมให้ทัน ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป
- รายงานพนักงานเข้าใหม่-ลาออก แจ้งออนไลน์ผ่านช่องทางหน้าเวป ประกันสังคมภายในไม่เกิน 15 วันหลังจากพนักงานเริ่มงาน หรือพ้นสภาพการเป็นพนักงาน
- ตรวจสอบข้อมูลขาดลามาสาย สำหรับคำนวณค่าจ้าง ภายในวันที่ 15 ของทุกเดือน
- ตรวจสอบ Hand book ของแผนกขายเพื่อเป็นเอกสารประกอบการจ่ายค่าจ้าง ภายในวันที่ 25 ของทุกเดือน
- รายงานสรุปยอดค่าจ้าง ค่าประกันสังคม ภาษี ไม่เกินวันที่ 5 ของทุกเดือน
รายงานค่าจ้างประจำปี - คำนวนค่าจ้างให้เสร็จภายในวันที่ 29 ของทุกเดือน และUploadไฟล์เงินเดือนขึ้นระบบของธนาคารทหารไทย และ แจ้งผู้มีอำนาจให้อนุมัติการจ่าย (หากติดวันหยุดให้เลื่อนขึ้นมา)
- แจ้งเข้าแจ้งออก AIA หลังจากพนักงานผ่านทดลองงาน (กรณีแจ้งออก ให้เก็บบัตรส่งคืน AIAพร้อมเอกสารแจ้งออก)
- ส่งรายงานเงินเดือนให้กับสำนักงานบัญชี ไม่เกินวันที่ 5 ของทุกเดือน
- คำนวณภาษี (ส่งใบ ภงด1 หน้าแรกให้แผนกบัญชีเพื่อดำเนินการจ่าย) ภายในวันที่ 10 ของทุกเดือน
- ห้ามเปิดเผยข้อมูลเงินเดือนให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องทราบเป็นอันขาด
- การสรรหาว่าจ้าง (Recruitment & Selection)
- การรับการร้องขอพนักงานใหม่ (Manpower Request) หรือมาทดแทน ต้องได้รับการอนุมัติจากหัวหน้าแผนกจึงจะดำเนินการสรรหาได้
FORM-HR-007 แบบฟอร์มใบขออัตรากำลังสรรหาพนักงาน - ลงประกาศตำแหน่งงาน (Job Posting) ผ่านช่องทาง jobthai ต้องระบุตำแหน่งพร้อมหน้าที่ที่รับผิดชอบ
- ประสานงานจัดหาวันเวลากับทางผู้สัมภาษณ์หัวหน้าแผนก/กรรมการให้ตรงกันและสัมภาษณ์
- ผู้สัมภาษณ์จะต้องเป็นหัวหน้าแผนกที่เกี่ยวข้อง และ แผนกทรัพยากรบุคคล
- ก่อนทำการสัมภาษณ์ต้องผ่านการอบรมวิธีการสัมภาษณ์จากแผนกทรัพยากรบุคคล
- แผนกทรัพยากรบุคคลจะเป็นผู้สัมภาษณ์ในส่วนของคำถามพื้นฐาน และแจ้งระแบบและสวัสดิการพื้นฐาน
คู่มือการสัมภาษณ์งาน
ระเบียบและสวัสดิการพื้นฐาน - กรณีไม่ผ่านสัมภาษณ์ ต้องทำลายเอกสารที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครทิ้งภายใน 30 วันหลังจากแจ้งผล
- กรณีผ่านการสัมภาษณ์และตกลงทำสัญญาให้ดำเนินการส่ง Email แจ้งผล และโทรแจ้งผู้สัมภาษณ์เพื่อเป็นการตรวจสอบความพร้อมในการเริ่มงาน
- แจ้งสิทธิประโยชน์และระเบียบขั้นพื้นฐานกับพนักงานใหม่ ให้ความรู้ความเป็นมาเกี่ยวกับบริษัท
- การรับการร้องขอพนักงานใหม่ (Manpower Request) หรือมาทดแทน ต้องได้รับการอนุมัติจากหัวหน้าแผนกจึงจะดำเนินการสรรหาได้
6. ขั้นตอนปฏิบัติงานพนักงาน
6.1 ข้อปฏิบัติ "การประชุม"
ประชุม , ประชุมปกติ หมายถึง การประชุมทั่วไปไม่จำกัดหัวข้อ เช่น การประกาศ, การแจ้งข่าวสาร , การแก้ไขปัญหาในงาน , การตัดสินใจ และการระดมความคิด ฯลฯ
ข้อปฏิบัติ
- ต้องส่งเอกสารนำประชุม มีประธานประชุมและผู้เซ็นอนุมัติให้ประชุม และจะต้องมีผู้สรุปเนื้อหาการประชุมเพื่อส่งมอบให้กับประธานที่ประชุม ภายในเวลาที่กำหนด
- การประชุมจะต้องมีการนัดหมายล่วงหน้าอย่างน้อย 2-7 วัน
- ใช้เวลาได้ไม่จำกัด ขึ้นกับความเหมาะสม แต่ไม่ควรเกิน 2 ชั่วโมง
ประชุมเร่งด่วน หมายถึง การประชุมที่ต้องการข้อสรุปหรือข้อตกลงอย่างเร่งด่วน
ข้อปฏิบัติ
- ต้องส่งเอกสารนำประชุม ภายหลังจากประชุมเสร็จ และจะต้องมีผู้สรุปเนื้อหาการประชุมเพื่อส่งมอบให้กับประธานที่ประชุม
- การประชุมจะต้องมีการนัดหมายล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วันหรือน้อยกว่า
- ใช้เวลาได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง
ประชุมฉุกเฉิน หมายถึง การประชุมที่สำคัญและเร่งด่วนมาก
ข้อปฏิบัติ
- ต้องส่งเอกสารนำประชุม ภายหลังจากประชุมเสร็จ และจะต้องมีผู้สรุปเนื้อหาการประชุมเพื่อส่งมอบให้กับประธานที่ประชุมทันที
- การประชุมไม่มีการนัดหมายล่วงหน้า พนักงานที่ต้องเข้าประชุมทุกคนจะต้องพร้อมเข้าประชุมภายใน 20 นาที
- ใช้เวลาได้ไม่เกิน 45 นาที
Form–All-002 แบบฟอร์มนำประชุม
***“การติดตามงาน / หารือ / แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ไม่ได้เรียกว่าเป็นการประชุม” ***
6.2 ข้อปฏิบัติ "การประกาศ"
- การประกาศเพื่อเพิ่ม ลด หรือแก้ไข
- นโยบาย
- กฎข้อบังคับ ข้อตกลง
- สิทธิพนักงาน
- หน้าที่พนักงานแต่ละตำแหน่ง
- อื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของพนักงาน
ข้อปฏิบัติ
- ต้องผ่านการประชุมและมีข้อสรุปในที่ประชุมเป็นลายลักษณ์อักษรเรียบร้อยแล้ว
- ต้องมีการเซ็นอนุมัติเพื่อปิดประกาศ โดยมีผู้มีอำนาจลงนามและลงลายมือชื่อกำกับ
- ต้องปิดประกาศเป็นเวลา 90 วัน พร้อมทั้งมีพยานยืนยันการประกาศ
- ใช้เวลาในที่ประชุมเพื่อประกาศได้แต่ต้องไม่เกิน 2 ชั่วโมง
- ประกาศทั่วไป เช่น ประกาศวันหยุด , ประกาศการปรับเลื่อนตำแหน่ง , ประกาศชี้แจงเรื่องต่างๆ
ข้อปฏิบัติ
- ต้องผ่านการประชุมและมีข้อสรุปในที่ประชุมเป็นลายลักษณ์อักษรเรียบร้อยแล้ว
- ต้องมีการเซ็นอนุมัติเพื่อปิดประกาศ โดยมีผู้มีอำนาจลงนามและลงลายมือชื่อกำกับ
- ต้องปิดประกาศ เป็นเวลา 30 วัน พร้อมทั้งมีพยานยืนยันการประกาศ
- ใช้เวลาในที่ประชุมเพื่อประกาศได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง
Form–All-001 แบบฟอร์มยืนยันการปิดประกาศ
6.3 ข้อปฏิบัติ "การรับทราบ"
- ต้องมีการลงลายมือชื่อรับทราบแบบมีลายลักษณ์อักษรลงในเอกสาร
- รับทราบทางไลน์
- ห้ามส่งสติกเกอร์
- ให้ พิมพ์รับทราบว่า "61" หรือ "2"
- รับทราบทางอีเมล
- “การรับทราบปากเปล่าจะไม่ถือว่าเป็นเป็นการรับทราบที่ส่งผลต่อเอกสาร”
6.4 ข้อปฏิบัติ "การรักษาความสะอาดและเวรทำความสะอาด"
- แยกขยะก่อนทิ้ง
- เวรทำความสะอาดสามารถจัดการได้ความเหมาะสม
- กิจกรรมที่ต้องทำ
- ทิ้ง , ซัก , ล้าง , ทำความสะอาด อุปกรณ์และทรัพย์สิน
- ขยะในห้องน้ำ ทิ้งตามสมควร
- ทำความสะอาดโต๊ะทำงานให้เป็นระเบียบเรียบร้อยเสมอ
- สัปดาห์ Big cleaning
- จัดทำในเดือน 6 และเดือน 12 แผนกเจ้าหน้าที่ทรัพยากรบุคคลจะเป็นผู้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วัน
- จำนวนวันการทำ Big Cleaning อาจมากกว่า 1 วัน
6.5 ข้อปฏิบัติ "ถือครองตราประทับและลงลายมือชื่อ"
- การประทับตราบริษัท
ข้อปฏิบัติ
- ให้ประทับต่อหน้าผู้มีอำนาจถือครองตราประทับ
- กรณี ไม่มา/ไม่อยู่ หากอยู่ในสิทธิการตัดสินใจ สามารถขอตราประทับจากผู้ถือครองตราประทับได้
6.6 ข้อปฏิบัติ "ถือครองรหัส สำหรับใช้งานด้านต่างๆ"
- รหัส ทางคอมพิวเตอร์ที่ใช้ภายในบริษัท
- เป็น Account ที่ใช้งานเกี่ยวข้องกับบริษัทเท่านั้นที่สามารถนำมาใช้ได้
- รหัสเข้าคอม , Odoo , Wordpress , Next cloud , Email , Wifi
- รหัสตั้งต้น จะต้องเป็นรหัสที่ถูกสร้าง Admin เท่านั้น ขั้นต่ำ 8 หลักขึ้นไป (ไม่ใช่รหัสที่เดาง่าย)
- รหัสที่ใช้ร่วมกัน ให้ขอกับเจ้าหน้าที่ไอทีเท่านั้น
- Social
- Shopping online
- รหัส ทางคอมพิวเตอร์ที่ใช้ภายนอก
- User , Pass ที่เป็น vendor ให้ส่งรหัสให้กับเจ้าหน้าที่ไอที
- Factoring
- web ราชการ
- Shopping Online
- เงื่อนไขของการเปลี่ยนรหัสผ่าน
- Account ที่ใช้งานที่เกี่ยวข้องกับบริษัทจะมีการเปลี่ยนแปลงทุกๆ 6 เดือน
- ทุกครั้งที่มีการพ้นสภาพการเป็นพนักงาน พนักงานของแผนกนั้นๆ ต้องเปลี่ยนรหัสทั้งหมด
- ห้ามพนักงานเปิดเผยรหัสผ่านที่ได้รับให้ผู้อื่นเห็น หากพบเจอถือเป็นความผิดร้ายแรง
- ห้ามพนักงานใช้คอมพิวเตอร์เครื่องของคนอื่นทำงาน
6.7 ข้อปฏิบัติ "ถือครองกุญแจ"
- เงื่อนไขของการถือครองกุญแจ
- หากทำหายเพียง 1 ดอก ให้ผู้ถือกุญแจซื้อกุญแจมาใหม่
- ห้ามปั๊มโดยไม่ได้รับอนุญาต หากพบเจอถือเป็นความผิดร้ายแรง
- เรียกคืนกุญแจเพื่อตรวจสอบ จะดำเนินการในวัน Big Cleaning
- กุญแจชำรุดเสียหาย ให้อนุญาตไปปั๊มใหม่ได้
- ห้ามเสียบกุญแจคาไว้ ให้ผู้พบเห็นนำส่งกับ HR เพื่อชำระค่าปรับ 500 บาท
- กุญแจ Locker
- ให้นำแม่กุญแจมาเอง บริษัทไม่แจกกุญแจให้
- บริษัทมีสิทธิที่จะเปิด locker โดยไม่ต้องแจ้งก่อนแต่ต้องมีพยานอย่างน้อย 2 คน
- บริษัทไม่รับผิดชอบต่อทรัพย์สินส่วนตัวของพนักงานในกรณีสูญหาย
- กุญแจสำรองห้องทั้งหมดแผนกทรัพยากรบุคคลเป็นผู้รับผิดชอบ
6.8 ข้อปฏิบัติ "เงินสดกองย่อย"
- รับเงินสดจากลูกค้า ณ วันที่ส่งสินค้า
- ต้องนำเงินสด ไปส่งให้แผนกบัญชี
- แผนกบัญชีจะนำรายการบิลเงินสดสรุปยอดส่งให้ผู้จัดการแผนกบัญชีในแต่ละวัน และผู้จัดการแผนกบัญชีจะเป็นผู้นำเงินไปฝากเข้าบัญชีบริษัท
ข้อปฏิบัติรับเงินสด
- ต่ำกว่า 10,000 บาท รับเงินสดได้ เอามาเคลียกับแผนกบัญชีทันที
- มากกว่า 10,000 บาทให้ลูกค้า จ่ายเป็นเช็ค / โอน เท่านั้น
- กรณีต้องใช้เงินสดหน้างาน
- ไม่เกิน 3,000 บาทให้สำรองจ่ายไปก่อน เบิกคืนตามรอบจ่าย
- เกิน 3,000 บาทให้ทำเรื่องขอซื้อสินค้ากับแผนกจัดซื้อ และเป็นไปตามขั้นตอนการจัดซื้อ
6.9 ข้อปฏิบัติ "ชื่อกลุ่ม Line ในการทำงาน"
- การคัดกรองคนในกลุ่มเป็นหน้าที่ของหัวหน้าแผนก
- ใหใช้ line จากเบอร์ออฟฟิศเท่านั้น หากไม่มีมือถือออฟฟิศ อนุโลมให้ใส่ line ส่วนตัวได้
- กลุ่มหลักที่ใช้งานเป็นทางการ นอกเหนือจากนี้ ให้ทำการยกเลิกและถือว่าไม่เกี่ยวข้องกับงาน
ชื่อกลุ่ม | จุดประสงค์ | สมาชิก |
PAKO "งาน" V.2 | แจ้งข่าวสารเกี่ยวกับงาน | พนักงานทุกคน |
กลุ่มภายในแผนกเดียวกัน | ||
PAKO "Sales Only" | ติดต่อกันภายในแผนก | เจ้าหน้าที่ขายเท่านั้น (ทั้งหมด) |
PAKO "Purchase Only" | ติดต่อกันภายในแผนก | เจ้าหน้าที่จัดซื้อเท่านั้น (ทั้งหมด) |
PAKO "HR Only" | ติดต่อกันภายในแผนก | เจ้าหน้าที่ทรัพยากรบุคคลเท่านั้น (ทั้งหมด) |
PAKO "IT Only" | ติดต่อกันภายในแผนก | เจ้าหน้าที่ไอทีเท่านั้น (ทั้งหมด) |
PAKO "Account Only" | ติดต่อกันภายในแผนก | เจ้าหน้าที่บัญชีเท่านั้น (ทั้งหมด) |
PAKO "Manager Only" | ติดต่อกันภายในแผนก | ผู้บริหารเท่านั้น (ทั้งหมด) |
PAKO "Logistic Only | ติดต่อกันภายในแผนก | เจ้าหน้าที่จัดส่งเท่านั้น (ทั้งหมด) |
กลุ่มระหว่างแผนก | ||
PAKO "เปิดบิล" | -แจ้งให้ทางเซลรับทราบว่าของมาแล้ว - แจ้งให้บัญชีเปิดบิล | เจ้าหน้าที่ขาย , เจ้าหน้าที่บัญชี, หัวหน้างานธุรการอาวุโส |
PAKO "รับซัพ" | - ให้ไปรับของจากซัพ - แจ้งจัดซื้อว่า ของมาแล้ว - จัดซื้อ-บัญชี แจ้งเรื่องการโอนเงิน | เจ้าหน้าที่จัดซื้อ เจ้าหน้าที่บัญชี, หัวหน้างานธุรการอาวุโส |
PAKO "ขายออนไลน์" | - เพื่อแจ้งให้เตรียมสินค้าสำหรับออนไลน์ | เจ้าหน้าที่ไอที , หัวหน้างานธุรการอาวุโส |
PAKO "รับลูกค้า" | - รับลูกค้า Income | เจ้าหน้าที่ไอที , เจ้าหน้าที่ขาย |
PAKO "แจ้งโอนเงิน" | - เซลแจ้งโอนเงิน | เจ้าหน้าที่ขาย,เจ้าหน้าที่จัดส่ง, เจ้าหน้าที่บัญชี |
PAKO "ขอราคา(RFQ)" | - แจ้งสถานะ RFQ | เจ้าหน้าที่ขาย, เจ้าหน้าที่จัดซื้อ |
PAKO "เซอร์วิส" | -แจ้งสถานะซ่อม ตรวจสอบสินค้า | เจ้าหน้าที่ขาย, เจ้าหน้าที่จัดซื้อ, วิศวกรขาย |
6.10 ข้อปฏิบัติ "การให้ Feedback"
- หัวข้อในการแจ้งผลการประเมิน หรือ Feedback มี 6 ข้อ ประกอบด้วย
- จุดแข็ง คือ การบอกถึงข้อดีของตัวพนักงานคนนั้นๆว่ามีความสามารถหรือทำอะไรได้ดีมากๆบ้าง
- จุดอ่อน คือ การบอกถึงสิ่งที่พนักงานคนนั้นยังทำได้ไม่ดี สะท้อนข้อมูล ให้คิดทบทวน และหาก ต้องการข้อเสนอแนะให้บอก
- โอกาสในการพัฒนา คือ การชี้แนะช่องทางในการปรับเปลี่ยนความสามารถให้ไปในทางที่ดีขี้น
- อะไรที่ทำได้ดีแล้ว คือ เป็นการบอกถึงผลงาน หรือพฤติกรรมของพนักงานที่เขาทำออกมาได้ดีเพื่อเป็นการชมเชย ขอบคุณ และให้กำลังใจ
- มีอุปสรรคอะไรบ้าง คือ การถามถึงผลกระทบของการทำงานนั้นๆ ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง และได้มีการจัดการกับอุปสรรคนั้นอย่างไร
- ต้องใช้ทักษะอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ คือ เป็นการบอกถึงสิ่งที่พนักงานควรจะเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงอะไร เพื่อให้เกิดผลงานที่ดีขึ้นได้
6.11 ข้อปฏิบัติ "การตั้งชื่อโฟลเดอร์ และไฟล์เอกสาร"
หลีกเลี่ยงปัญหาที่พบของการตั้งชื่อโฟลเดอร์และชื่อไฟล์ คือ
- หาเอกสารไม่เจอ , ซ้ำ
- สับสนกับเอกสารไม่รู้ว่าเอกสารฉบับไหนใช้หรือไม่ใช้
- ตั้งชื่อไม่ชัดเจน เช่น อัพเดท ล่าสุด ใหม่ เก่า
- จำกัดสิทธิการเข้าถึง
6.12 ข้อปฏิบัติ "การ Challenge"
การเขียน Challenge คือ การที่พนักงานแต่ละแผนกได้มีข้อสรุปและข้อตกลงร่วมกันแล้ว แต่ไม่สามารถปฏิบัติตามข้อสรุป หรือข้อตกลงนั้นๆได้ จึงต้องมีการเขียน Challeng เพื่อให้แผนกอื่น หรือเพื่อนร่วมงาน ปฏิบัตินอกเหนือข้อตกลงเป็นครั้งคราว โดยจะมีผู้มีอำนาจในการตัดสินใจตัดสินว่าเรื่องที่เขียน Challeng มานั้นแผนกอื่น หรือเพื่อนร่วมงานต้องทำหรือไม่
ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจการเขียน Challeng มี 3 ท่านตามลำดับ คือ
- ลำดับที่ 1. เจ้าหน้าที่อาวุโส
- ลำดับที่ 2. รองผู้จัดการ
- ลำดับที่ 3. ผู้จัดการ
6.13 การใช้ทรัพย์สินของบริษัท
- คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค โทรศัพท์มือถือ และทรัพย์สินอื่นๆที่พนักงานใช้งาน
- พนักงานทุกคนต้องเก็บเครื่องคอมพิวเตอร์ให้มิดชิดทั้งในบริษัทและภายนอก
ชื่อทรัพย์สิน | กรณี | ข้อปฏิบัติ |
คอมพิวเตอร์ทุกชนิด , โทรศัพท์มือถือ | สูญหายภายในบริษัทจากการเก็บอย่างมิดชิด | ผู้ยืมทรัพย์สินต้องเป็นผู้แจ้งความ |
สูญหายภายในบริษัทโดยประมาท | พนักงานต้องจ่ายเงิน 100%ของมูลค่าของทรัพย์สิน | |
สูญหายภายในบริษัทโดยไม่ประมาท | บริษัทจะพิจารณาและสืบสวนหาข้อสรุป | |
สูญหายภายนอกบริษัท | พนักงานต้องจ่ายเงิน 100% ของมูลค่าของทรัพย์สินนั้นทุกกรณี | |
สูญหายเนื่องจาก ภัยพิบัติ โจรกรรม | บริษัทจะพิจารณาในทรัพย์สินนั้น | |
เสียหายจากการใช้ปกติ | บริษัทเป็นผู้รับผิดชอบ | |
เสียหายจากการถือครอง | พนักงานต้องจ่ายเงิน 100% ของค่าซ่อม หรือจัดหาเครื่องใหม่ในสภาพเดิมหรือสูงกว่า หากเครื่องมีประกัน บริษัทจะจัดหาเครื่องสำรองให้ใช้งานชั่วคราวและผู้ทำเสียหายจะต้องเป็นผู้ดำเนินการเอง | |
เฟอร์นิเจอร์ | เสียหายจากการใช้ปกติ | บริษัทเป็นผู้รับผิดชอบ |
เสียหายจากการใช้งานผิดประเภท | พนักงานต้องจ่ายเงิน 100% ของค่าซ่อม หรือจัดหาใหม่ในสภาพเดิมหรือสูงกว่า | |
อุปกรณ์สำนักงานอื่น | เสียหายจากการใช้ปกติ | บริษัทเป็นผู้รับผิดชอบ |
สูญหายทุกกรณี | พนักงานต้องจ่ายเงิน 100% ของค่าซ่อม หรือจัดหาใหม่ในสภาพเดิมหรือสูงกว่า | |
ทรัพย์สินอื่นๆ | เสียหายจากการใช้ปกติ | บริษัทเป็นผู้รับผิดชอบ |
สูญหายทุกกรณี | พนักงานต้องจ่ายเงิน 100% ของค่าซ่อม หรือจัดหาใหม่ในสภาพเดิมหรือสูงกว่า |
- การเคลื่อนย้ายอุปกรณ์
- เมื่อพนักงานได้รับทรัพย์สินมาแล้ว พนักงานจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบว่าอยู่ในสภาพที่ดี สามารถใช้งานได้ตามปกติ พนักงานต้องรายงานและแจ้งกับผู้บังคับบัญชาทันทีที่พบว่าเสียหายหรือไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ
- พนักงานต้องรับผิดชอบในการบำรุงรักษาอุปกรณ์และข้อมูลต่างๆที่อยู่ในอุปกรณ์นั้น และพนักงานต้องรับผิดชอบต่ออุปกรณ์ต่อพ่วงที่ทางบริษัทได้ให้ไว้
- พนักงานต้องตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆตามรายละเอียดอุปกรณ์ต่อพ่วงที่บริษัทได้ให้ไว้อย่างละเอียดถี่ถ้วนตามรายการนั้น
- อย่าทิ้งทรัพย์สินไว้โดยไม่ได้รับการดูแลโดยเฉพาะในรถยนต์ หรือสถานที่สาธารณะ
- เมื่อมีการเดินทางห้ามโหลด ทรัพย์สิน เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ไปกับสายการบินพนักงานควรที่จะถือขึ้นเครื่องแทน
- มีการเก็บสำรองข้อมูลต่างๆภายในคอมพิวเตอร์ไว้เสมอ
- ควรจะรายงานผู้บังคับบัญชาทันทีที่มีการพบข้อเสียหายหรือบกพร่องเกี่ยวกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์
- เซิฟเวอร์
- เซิฟเวอร์นั้นจะถูกใช้เพียงเพื่อธุรกิจเท่านั้น
- ข้อมูลส่วนตัวจะไม่มีการเก็บรักษาไว้ในระบบเก็บข้อมูล
- ผู้ดูแลระบบมีสิทธิในการลบข้อมูลส่วนตัวของพนักงานออกได้ โดยไม่ต้องมีการแจ้งให้พนักงานทราบล่วงหน้า
- พนักงานต้องพยายามเก็บข้อมูลอย่างเป็นระเบียบ และเก็บข้อมูลสำรองไว้ , ลบข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลที่ไม่จำเป็นออกเสมอ
- ซอฟท์แวร์
- บริษัทมีนโยบายที่เคร่งครัดเกี่ยวกับการห้ามใช้ซอฟท์แวร์ที่ไม่มีใบอนุญาตที่ใช้บนคอมพิวเตอร์ของบริษัท การฝ่าฝืนลิขสิทธิทางคอมพิวเตอร์นี้ สามารถนำไปสู่การประพฤติผิดตามระเบียบของบริษัทได้
- การใช้ซอฟท์แวร์แบบใช้งานฟรี / ซอฟท์แวร์ใช้งานร่วมกัน / ซอฟท์แวร์แบบทดลองสามารถใช้งานได้
- พนักงานทุกคนต้อง update Windows ด้วยตัวเองอย่างสม่ำเสมอ
- ไม่ต้องลง Anti Virus เนื่องจากบริษัทใช้ Windows ถูกลิขสิทธิ์มี Anti Virus อยู่แล้ว
- ห้ามเข้า web site ที่มีความเสี่ยงให้ติดไวรัส
- สิทธิต่างๆของบริษัทต่อทรัพย์สิน
- พนักงานบริษัทมีสิทธิที่เข้าใช้ระบบโปรแกรม ขั้นตอนการใช้งาน และสิ่งอื่นๆที่เกี่ยวข้องที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาโดยตัวท่านเอง
- ข้อมูลทั้งหมด การเข้า/ถอดรหัส หรือการสื่อสารทั้งหมดทั้งทางอีเมล์และทางอื่นนั้นจะถือเป็นสิทธิของพนักงานเมื่อมีการใช้ข้อมูลนั้นบนอุปกรณ์ของบริษัท
- สิทธิในการครอบครองระบบ ความคิด โปรแกรม หรือสิ่งอื่นใดที่มีการพัฒนาโดยพนักงาน รวมถึงโปรแกรมใช้งานอื่นๆที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานภายใต้สัญญาว่าจ้างนี้ จะตกเป็นลิขสิทธิของบริษัท
- ความลับของข้อมูล
- พนักงานต้องป้องกันข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของคุณ โดยการตั้งชื่อ Login และรหัสผ่าน
- ติดตั้ง screensaver บนหน้าจอไว้ และมีการตั้งรหัสไว้เช่นกัน
- กรณีที่พนักงานไม่อยู่กับเครื่องคอมพิวเตอร์ จะต้องไม่มีใครสามารถเข้าใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ได้
- ห้ามเปิดเผยรหัสผ่านกับพนักงานท่านอื่นหรือบุคคลอื่น
7. การกระทำความผิดและการลงโทษ
7.1 ขั้นตอนการกระทำผิด
- ผู้กระทำความผิด ต้องถูกกล่าวหาจากผู้กล่าวหา
- ต้องมีหลักฐานที่สามารถระบุเหตุการณ์ การกระทำความผิดได้
- ไตร่สวนหาหลักฐาน , วินิจฉัยข้อเท็จจริง
- ระบุการกระทำความผิด
- ลงโทษตามกระบวนการ
7.2 ความผิดวินัยไม่ร้ายแรง
- ในกรณีของการเกิดการละเมิดฝ่าฝืนที่ไม่รุนแรงนั้น ขั้นตอนดังต่อไปนี้จะถูกมามาใช้ปฏิบัติ
ลำดับขั้น | การลงโทษ | ผู้มีสิทธิลงโทษ | หลักฐานการลงโทษ |
ขั้นที่ 1 | การให้คำปรึกษาด้วยวาจา | หัวหน้างาน / ผู้จัดการ | ไม่มี |
ขั้นที่ 2 | การตักเตือนอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งที่ 1 | หัวหน้างาน / ผู้จัดการ | แบบฟอร์มใบเตือน |
ขั้นที่ 3 | การตักเตือนอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งที่ 2 | หัวหน้างาน / ผู้จัดการ | แบบฟอร์มใบเตือน |
ขั้นที่ 4 | การตักเตือนอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรโดยการ พักงาน โดยไม่ได้รับค่าจ้าง | หัวหน้างานและผู้จัดการแผนกบุคคล | แบบฟอร์มใบเตือน |
ขั้นที่ 5 | ให้พ้นสภาพการเป็นพนักงาน | หัวหน้างานและผู้จัดการแผนกบุคคล | หนังสือยกเลิกการว่าจ้าง (ไล่ออก) |
7.3 ความผิดวินัยอย่างร้ายแรงซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง
- ความเสียหายร้ายแรง หมายถึง การเสียหายผลที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สิน เกินกว่าการดำเนินการปกติของบริษัท ทั้งนี้ความเสียหายร้ายแรงขึ้นกับการพิจารณาของบริษัทต้องการทำการไล่ออกสถานเดียวตามกฎหมาย
- เจตนาทำให้เกิดการเสียหายผลที่ส่งผลกระทบต่อมูลทรัพย์สินหรือผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น
- กระทำผิดทางอาญาต่อนายจ้าง
- กระทำผิดทางอาญาที่ไม่ใช่ลหุโทษต่อบุคคลากรของบริษัท
- กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่
- ปฏิบัติหน้าที่โดยประมาทเลินเล่อ ซึ่งพนักงานสามารถเล็งเห็นอันตรายได้ แต่ไม่ทำการป้องกัน ละเลย ไม่ทำตามขั้นตอนที่ถูกต้อง จนเป็นเหตุให้ทางบริษัทได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง ต่อมูลค่าทรัพย์สิน เป็นจำนวนมูลค่ามากกว่า 50,000 บาท หรือต้องมีการหยุดงานของบุคคลากรเกิน 3 วัน
- ละทิ้งหรือทอดทิ้งการทำงานเป็นเวลาติดต่อกันเกินกว่า 3 วัน
- ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง หรือกระทำความผิดอาญาโดยมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกหรือหนักกว่าโทษจำคุก
- จงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับหรือเงื่อนไขที่ทางบริษัทกำหนดให้ปฏิบัติจนเป็นเหตุให้บริษัทได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง
- เมื่อมีกรณีที่พนักงานถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง
- ให้หัวหน้าให้มีคณะกรรมการสอบสวนเพื่อดำเนินการสอบสวนโดยเร็ว และต้องให้โอกาสพนักงานที่ถูกกล่าวหาชี้แจงและแสดงพยานหลักฐานเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
- ในกรณีที่ผลการสอบสวนปรากฏว่าพนักงานผู้นั้นกระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรงให้หัวหน้ามีคำสั่งไล่ออก แต่ถ้าไม่มีมูลกระทำความผิดให้สั่งยุติเรื่อง
- หลักเกณฑ์และวิธีการการสอบสวนพนักงาน ให้เป็นไปตามที่บริษัทกำหนด
7.4 การพักงาน
- การพักงานระหว่างสอบสวน
- การพักงานในระหว่างสอบสวนความผิดลูกจ้างมีกำหนดไว้ในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 ในมาตรา 116 และ มาตรา 117 โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้
- ลูกจ้างนั้นได้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด
- นายจ้างประสงค์ทำการสอบสวนลูกจ้างและประสงค์พักงานลูกจ้างนั้น
- มีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหรือข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างระบุว่านายจ้างมีอำนาจสั่งพักงานลูกจ้างได้
- นายจ้างได้มีคำสั่งพักงานเป็นหนังสือระบุความผิดและกำหนดระยะเวลาพักงานซึ่งต้องไม่เกิน 7 วัน แลนายจ้างได้แจ้งให้ลูกจ้างทราบก่อนการพักงานนั้นแล้ว
- นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างในระหว่างพักงานไม่น้อยกว่า 50% ของค่าจ้างปกติ
- การลงโทษลูกจ้างด้วยการพักงาน
- ไม่ต้องจ่ายค่าจ้าง แต่ก็ต้องมีหลักเกณฑ์เช่นเดียวกันกับหลักเกณฑ์การพักงานในระหว่างสอบสวน คือ ต้องมีข้อบังคับกำหนดโทษพักงานไว้ด้วย
- ต้องกำหนดระยะเวลาการพักงาน
- ต้องแจ้งให้ลูกจ้างทราบล่วงหน้าก่อนการลงโทษ
7.5 ใบเตือน
- ใบเตือนมีอายุ 1 ปี นับจากวันที่ออก
- ใบเตือนไม่จำเป็นที่พนักงานต้องเซ็นรับทราบ บริษัทสามารถใช้การอ่านให้ฟังโดยการบันทึกเสียงได้ ส่งจดหมายไปยังที่พัก หรือ ส่ง E-mail ได้
7.6 การร้องเรียน
- หากพบการทำงานไม่เป็นไปตามหลักกฏหมายหรือข้อตกลง หรือมีข้อสงสัยในการพิจารณาของบริษัท พนักงานสามารถทำการร้องเรียน ตามแบบฟอร์ม เพื่อให้ส่วนบริหารทำการตรวจสอบ โดยการตรวจสอบจะเป็นในทางลับพนักงานสามารถร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาหรือเพื่อนร่วมงาน หรือแผนกทรัพยากรบุคคลได้ หากไม่ได้รับความเป็นธรรม
8. สิทธิพนักงานขั้นพื้นฐาน
8.1 สิทธิพนักงานประจำทุกตำแหน่ง
- พนักงานทุกคน ทุกตำแหน่งจะได้รับสิทธิประกันสังคม ยกเว้น พนักงานที่เป็นสัญญาจ้างชั่วคราวที่ระบุไว้ในสัญญา
- ประกันอุบัติเหตุบริษัทเอกชน ได้รับสิทธิเมื่อผ่านทดลองงานแล้ว
- วันหยุดเทศกาล-ประเพณีตามปฏิทินไทย รวมถึงประกาศจากรัฐบาล
- โบนัสตามผลประกอบการ ปีละ 2 ครั้ง ในสิ้นเดือนมีนาคม และสิ้นเดือนกันยายน ของทุกปี
- กิจกรรมท่องเที่ยว การจัดงานเลี้ยงประจำปี
- ค่าเดินทาง
- ค่าที่พักกรณีค้างแรม
- ค่าสึกหรอ และค่าน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับรถยนต์ที่นำมาใช้สำหรับการปฏิบัติงานนอกสถานที่เป็นประจำ
- ค่าผ่านทางพิเศษ
- เงินช่วยเหลือเมื่อประสบภัยพิบัติ
- สำหรับพนักงานเกิดภัยพิบัติแก่บ้านพักที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นบ้านของพนักงานหรือบิดา มารดา จะได้รับเงินช่วยเหลือตามอายุงาน
- อายุงาน 0-1 ปี 5,000 บาท
- อายุงานมากกว่า 1 ปี 10,000 บาท
- พนักงานจะต้องยื่นเรื่องพร้อมเอกสารหลักฐานประกอบให้กับผู้บังคับบัญชาเซ็นรับรองแล้วยื่นต่อแผนกทรัพยากรบุคคล
- เงินช่วยเหลือเมื่อพนักงานถึงแก่กรรม
- พนักงานที่ผ่านการทดลองงานแล้ว และถึงแก่กรรม บริษัทฯ มอบเงินช่วยเหลือแก่ครอบครัวพนักงาน โดยคิดให้ตามอายุการทำงานของพนักงาน และเป็นเจ้าภาพให้แก่ครอบครัวพนักงาน 1 วัน
- อายุงาน 0-2 ปี 20,000 บาท
- อายุงานมากกว่า 2-4 ปี 35,000 บาท
- อายุงานมากกว่า 4 ปี 50,000 บาท
- เงินช่วยเหลืองานศพครอบครัวพนักงาน
- พนักงานประจำประสบเหตุการณ์ที่มีสมาชิกในครอบครัวตามสายโลหิตเสียชีวิต
- บิดา มารดา พี่น้องร่วมบิดา-มารดา และคู่สมรส บุตรตามกฎหมาย
- บริษัทจะให้เงินช่วยเหลือช่วยเหลือจำนวน 5,000 บาท
8.2 สิทธิประกันสังคมตามกฎหมาย
- สิทธิประกันสังคมตามกฎหมาย บริษัทจะหักจากฐานเงินเดือนเป็นจำนวนเงินไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 แต่ไม่เกิน 750 บาทต่อเดือน และจ่ายสบทบเพื่อเข้ากองทุนประกันสังคมให้เป็นหลักประกันแก่ผู้ประกันได้รับประโยชน์ทดแทน เมื่อต้องประสบอันตราย เจ็บป่วย ทุพพลภาพ หรือ ตาย ซึ่งไม่ใช่เนื่องจากการทำงาน รวมถึงกรณีคลอดบุตร ชราภาพ สงเคราะห์บุตร และว่างงาน
- พนักงานที่มีบัตรประกันสังคมจากบริษัทฯ เดิมก่อนเข้าทำงานกับบริษัทฯ และบัตรเดิมยังไม่หมดอายุ สามารถใช้บัตรเดิมได้จนกว่าบัตรจะหมดอายุ (รายละเอียดเกี่ยวกับกองทุนประกันสังคมสามารถขอเพิ่มเติมได้ที่แผนกทรัพยากรทรัพยากรบุคคล)
- บริษัทจัดให้มีการใช้ประกันสังคม ตามสถานพยาบาลที่พนักงานได้เลือกไว้
สิทธิประโยชน์จากกองทุนประกันสังคม โดยสังเขปมีดังนี้
สิทธิประกันสังคมกรณีเจ็บป่วย
- ผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิรักษาในสถานพยาบาลตามสิทธิประกันสังคมที่เลือก หากเข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาลรัฐ และเอกชนอื่นๆ ก็สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลตามสิทธิประกันสังคมหลังจากได้รับการรักษาได้ โดยแยกเป็น 2 กรณี คือ
- กรณีเป็นผู้ป่วยนอก (OPD) ในสถานพยาบาลรัฐ สามารถเบิกได้ตามจริง และสามารถเบิกจ่ายกรณีเข้ารักษาที่สถานพยาบาลเอกชนได้ไม่เกิน 1,000 บาท/ครั้ง
- กรณีเป็นผู้ป่วยใน (IPD) ในสถานพยาบาลรัฐ สามารถเบิกได้ตามจริง ยกเว้นค่าห้อง และค่าอาหาร ที่เบิกได้ไม่เกินวันละ 700 บาท และสามารถเบิกจ่ายกรณีเข้ารักษาที่สถานพยาบาลเอกชนได้ไม่เกินวันละ 2,000 บาท, ค่าห้อง และค่าอาหาร ไม่เกินวันละ 700 บาท หากมีการรักษาในห้อง ICU สามารถเบิกได้ไม่เกินวันละ 4,500 บาท และเมื่อได้รับการผ่าตัดใหญ่ จะสามารถเบิกได้ไม่เกิน 8,000-16,000 บาท
- นอกจากค่าสิทธิรักษาในสถานพยาบาลแล้ว ยังได้รับสิทธิในการทำทันตกรรม ไม่เกิน 900 บาท/ปี ด้วย
การเปลี่ยนสถานพยาบาลประกันสังคม
สิทธิประกันสังคมกรณีสงเคราะห์บุตร
- เมื่อจ่ายเงินสมทบ ไม่น้อยกว่า 12 เดือน หรือ 1 ปี จะได้ค่าสงเคราะห์บุตร เดือนละ 600 บาทต่อคน เป็นเวลา 6 ปี ตั้งแต่แรกเกิด จนถึงอายุ 6 ปี โดยมีการยกเว้นการจ่ายเงินสงเคราะห์ให้แก่บุตรบุญธรรม หรือบุตรที่ยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของคนอื่น ซึ่งสิทธิประกันสังคมกรณีสงเคราะห์บุตร สามารถขอใช้สิทธิได้ไม่เกิน 3 คน
สิทธิประกันสังคมกรณีคลอดบุตร
- เมื่อจ่ายเงินสมทบ ไม่น้อยกว่า 15 เดือน หรือ 1 ปี 3 เดือน จะได้รับค่าคลอดบุตร 13,000 บาท โดยสามารถเลือกใช้สิทธิได้จากฝ่ายชาย หรือหญิง ฝ่ายเดียวเท่านั้น และสามารถเบิกค่าคลอดบุตรได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง โดยผู้ประกันตนฝ่ายหญิง จะได้รับเงินสงเคราะห์จากการลาคลอด ในอัตราร้อยละ 50 ของเงินเดือน เป็นเวลา 90 วัน หรือ 3 เดือนหลังคลอด ซึ่งสิทธินี้ จะใช้ได้เมื่อคลอดลูกคนที่ 1 และ 2 เท่านั้น
สิทธิประกันสังคมกรณีว่างงาน
- หากผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบเป็นนานกว่า 6 เดือน สามารถลงทะเบียนในเว็บไซต์ กรมการจัดหางาน ของรัฐ ภายใน 30 วัน ตั้งแต่ออกจากงาน จะได้รับเงินทดแทนการว่างงาน ร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ย (ค่าจ้างสูงสุด 15,000 บาท) ในระยะเวลาสูงสุดไม่เกิน 3 เดือน/ปี
สิทธิประกันสังคมกรณีทุพพลภาพ
- เมื่อจ่ายเงินสมทบ ไม่น้อยกว่า 3 เดือน ผู้ประกันตนจะได้รับการดูแลในเรื่องการรักษาพยาบาล เงินชดเชยรายได้ เงินบำเหน็จ เมื่อสูญเสียสมรรถภาพของอวัยวะของร่างกาย หรือจิตใจ ทำให้ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายเดือน (ค่าจ้างสูงสุด 15,000 บาท) ตลอดชีวิต
สิทธิประกันสังคมกรณีเสียชีวิต
- ครอบครัว หรือทายาทของผู้ประกันตนจะได้เงินสงเคราะห์ และค่าทำศพ 40,000 บาท เมื่อแสดงหลักฐานจากฌาปนสถาน สำเนาใบมรณะบัตร และสำเนาบัตรประชาชนของคนในครอบครัว กับสำนักงานประกันสังคม เมื่อผู้เสียชีวิตเคยจ่ายเงินสมทบในกองทุนประกันสังคมนานกว่า 1 เดือน
สิทธิประกันสังคมกรณีชราภาพ
- กรณีบำนาญชราภาพ
- สำหรับผู้ประกันตนที่มีอายุ 55 ปี และจ่ายเงินสมทบมานานกว่า 180 เดือน หรือ 15 ปี จะได้รับเงินบำนาญชราภาพรายเดือน ในอัตราร้อยละ 20 ของค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย (ค่าจ้างสูงสุด 15,000 บาท) และหากจ่ายเงินสมทบเกิน 180 เดือน หรือ 15 ปี จะได้เงินบำนาญชราภาพรายเดือนเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อการจ่ายเงินสมทบทุกๆ 12 เดือน
- กรณีบำเหน็จชราภาพ
- สำหรับผู้ประกันตนที่มีอายุ 55 ปี และมีการจ่ายเงินสมทบ 12 เดือนขึ้นไป หรือ 1 ปี จะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพ ตามจำนวนเงินที่จ่ายเข้าประกันสังคม พร้อมทั้งเงินสมทบจากนายจ้าง และผลตอบแทนจากกองทุนประกันสังคม แต่หากมีการจ่ายเงินสมทบต่ำกว่า 1 ปี จะได้รับเพียงเงินที่ตัวเองจ่ายเงินสมทบเท่านั้นแต่ละสิทธิประกันสังคมสามารถขอเบิกได้กับทางสำนักประกันสังคมด้วยการเขียนแบบคำรับขอประโยชน์ทดแทนกองทุนประกันสังคม (สปส.2-01) พร้อมเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องในการเบิกจ่าย และสำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร เพื่อรับเงินที่ผู้ประกันตนจะได้รับ
8.3 สิทธิประโยชน์จากกองทุนทดแทน
- กรณีเจ็บป่วย
- ค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นไม่เกิน 35,000 บาท ต่อการเจ็บป่วยหรือประสบอันตราย 1 ครั้ง หากเกินเบิกเพิ่มได้ตามเกณฑ์ที่กำหนดในกฏกระทรวงอีกไม่เกิน 200,000 บาท
- ค่าทดแทนรายเดือนในอัตรา 60 % ของค่าจ้าง หากแพทย์ให้หยุดพักรักษาตัวติดต่อกันเกิน 3 วัน แต่ไม่เกิน 1 ปี
- ค่าทดแทน
- กรณีไม่สามารถทำงานติดต่อกันเกิน 3 วันขึ้นไปแต่ไม่เกิน 1 ปี (60% ของค่าจ้างรายเดือน)
- กรณีสูญเสียอวัยวะบางส่วน (60% ของค่าจ้างรายเดือน ไม่เกิน 10 ปี)
- กรณีทุพพลภาพ (60% ของค่าจ้างรายเดือน ไม่เกิน 15 ปี)
- กรณีตาย/สูญหาย (60% ของค่าจ้างรายเดือน 8 ปี)
- ค่าทำศพ (100 เท่าของอัตราสูงสุดของค่าจ้างขั้นต่ำรายวัน)
- ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงาน (ฟื้นฟูด้านอาชีพ - ด้านการแพทย์ - กระบวนการบำบัดและผ่าตัด - ค่าวัสดุและอุปกรณ์ รวมสูงสุด 358,000 บาท)
8.4 สิทธิค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและค่าสึกหรอยานพาหนะ
- พนักงานที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ยานพาหนะส่วนตัวในการทำงานนอกเหนือจากการเดินทางมาทำงานตามปกติ จะได้รับค่าสึกหรอยานพาหนะได้โดยมีเงื่อนไขและในอัตราต่อไปนี้
- พนักงานจะต้องมีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ และไม่หมดอายุ
- รถยนต์ที่พนักงานนำมาใช้ในบริษัทจะต้องทำประกันภัยไม่ต่ำกว่าประกันภัยประเภท 3 และพรบ. คุ้มครองบุคคลที่ 3 พร้อมถ่ายสำเนากรมธรรม์ให้กับบริษัทฯ
- กรณีที่เกิดอุบัติเหตุจากการขับขี่ของพนักงานระหว่างการปฏิบัติงาน ทางบริษัทฯ จะถือเป็นความรับผิดชอบของพนักงาน และจะไม่ชดใช้ค่าเสียหายใดๆ
- รถจักรยานยนต์ซึ่งไม่สามารถทำประกันภัยได้ ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุจากการขับขี่ของพนักงานระหว่างการปฏิบัติงาน ทางบริษัทจะถือเป็นความรับผิดชอบของพนักงานเอง และจะไม่ชดใช้ค่าเสียหายใดๆ ดังนั้นบริษัทแนะนำให้พนักงานทำประกันภัยประเภท 1
- พนักงานจะต้องดูแลสภาพรถยนต์/จักรยานยนต์อยู่ให้อยู่ในสภาพดีพร้อมใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปกรณ์ด้านความปลอดภัย
- พนักงานตำแหน่งเจ้าหน้าที่ขาย ไม่สามารถเบิกค่าเดินทางได้แต่ยังคงได้รับสิทธิในการเบิกค่าที่พักแรม
- พนักงานมีสิทธิเบิกค่าเชื้อเพลิงรวมค่าสึกหรอรถยนต์ (เป็นไปตามอัตราค่าสวัสดิการ)
- พนักงานจะต้องวางแผนการใช้ยานพาหนะของตน โดยสามารถเว้นการนำยานพาหนะนั้นมาที่ทำการของบริษัทฯ ได้ แต่เมื่อบริษัทฯ มีคำสั่งให้ปฏิบัติงานนอกสถานที่ พนักงานจะต้องปฏิบัติและไม่สามารถอ้างว่าไม่ได้นำรถยนต์มาโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
- บริษัทขอสงวนสิทธิในการยกเลิกสวัสดิการนี้ แต่จะแจ้งให้พนักงานทราบก่อนล่วงหน้าเป็นเวลาอย่างน้อย 60 วัน
อัตราค่าสวัสดิการด้านค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและค่าสึกหรอ
- พนักงานนำรถยนต์ส่วนตัวมาใช้เพื่อการทำงานบริษัทให้กับบริษัทจะสามารถเบิกค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและสึกหรอของรถยนต์
- ในอัตรา 5 บาท/กม. (ค่าน้ำมัน 3 บาท/กม. และค่าสึกหรอ 2 บาท/กม.)
- โดยอาจมีการปรับเปลี่ยนตามราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
- พนักงานนำจักรยานยนต์ส่วนตัวมาใช้ในการทำงานบริษัทไม่มีนโยบายจะให้ค่าสึกหรอของจักรยานยนต์ส่วนตัวที่มาใช้ในงาน
- กรณีที่มีการใช้งานรถยนต์เพื่อการทำงานเร่งเด่นและจำเป็นซึ่งมีค่าใช้จ่ายน้ำมัน และไม่ได้เสนอมาให้กับบริษัทในแผนงาน ให้พนักงานสำรองจ่ายค่าใช้จ่ายนั้นก่อนจากนั้นให้มาขออนุมัติเบิกคืนภายหลัง
8.5 สิทธิค่าเดินทาง
- พนักงานสามารถเบิกค่าเดินทางสำหรับไปอบรมได้
- ไปอบรมโดยบริษัทกำหนด สามารถเบิกค่าเดินทางได้
- ค่าเดินทาง = เบิกได้ ตามจริงตามดุลพิจารณาของหัวหน้า
- ค่าเบี้ยเลี้ยง = เบิกได้วันละ 200 บาท
- ไปอบรมเองส่วนตัว ไม่สามารถเบิกได้และต้องใช้วันลา
- ค่าเดินทาง = ไม่ได้
- ค่าเบี้ยเลี้ยง = ไม่ได้
- พนักงานสามารถเบิกค่าเดินทางสำหรับไปทำงานได้ดังนี้
- ค่าเดินทาง = เบิกได้ ตามจริงตามดุลพิจารณาของหัวหน้า
- ค่าเบี้ยเลี้ยง = เบิกได้วันละ 200 บาท ในการเดินทางเกินรัศมี 60 กิโลเมตรจากสำนักงาน/สถานประกอบการ ที่ประจำการ
- เจ้าหน้าที่ขายทุกตำแหน่ง และพนักงานส่งสินค้าจะไม่ได้รับสิทธินี้ เพราะถือว่าเป็นหน้าที่ตามสัญญาจ้างงาน
8.6 สิทธิค่าผ่านทางพิเศษ
- บริษัทมีกล่อง Easy pass เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทาง
- ท่านใดเดินทางไปทำงานโดยไม่ใช้กล่อง Easy pass ของบริษัท บริษัทจะไม่จ่ายเงินสำรองให้ทุกกรณี
ข้อปฏิบัติ
- รวบรวมกล่องไว้ที่หัวหน้างานธุรการอาวุโส
- เขียนเบิกกล่อง Easy pass ทุกครั้งที่จะนำไปใช้งาน
- เมื่อใช้เสร็จให้นำมาคืนพร้อมทั้งเขียนระบุจำนวนเงินคงเหลือให้เรียบร้อยภายใน 2 วันนับจากวันที่ใช้เสร็จ
- หากท่านใดไม่เขียนระบุจำนวนคงเหลือและกระทำการเช่นเดิม 2 ครั้ง
- ให้ตัดสิทธิในการใช้กล่อง Easy pass ของท่านนั้นทันที 1 ปีปฏิทิน
- ให้หัวหน้าออกใบเตือน
- จำนวนคงเหลือไม่ถึง 300 บาท ให้ดำเนินการแจ้งทันทีและทำเรื่องเบิกเพื่อนำไปเติมครั้งถัดไป
- การเติมเงินให้เติมครั้งละ 1,500 บาท โดยต้องได้ใบกำกับภาษีอย่างถูกต้องเท่านั้น
- หากไม่ได้ใบกำกับภาษีอย่างถูกต้อง ให้ออกใบเตือนสำหรับพนักงานท่านนั้นโดยทันที
- หากจำนวนคงเหลือไม่เพียงพอและได้ทำการสำรองจ่ายไป จะไม่สามารถเบิกเงินสำรองจ่ายได้
- กรณีทำกล่อง Easy pass สูญหาย ให้พนักงานท่านนั้นรับผิดชอบตามมูลค่าเงินคงเหลือในกล่อง Easy pass ภายในเวลา 7 วันนับตั้งแต่วันที่สูญหาย
- กล่อง Easy pass ของส่วนตัวไม่นำมาเบิกเงินคืนได้
- กรณีเข้าพบลูกค้าด่วน แล้วไม่ได้เบิกกล่อง Easy pass ติดตัวไปด้วย
- ให้เขียนใบเบิกเงินสดกองย่อยและใบเสร็จพร้อมทั้งมีลายเซ็นของหัวหน้างานเท่านั้น
- ให้หัวหน้าสำรองเงินจ่ายให้กับพนักงานไปก่อน บริษัทจะจ่ายเงินคืนที่สำรองจ่ายออกไปให้ตามรอบจ่าย
8.7 สิทธิชุดแบบฟอร์ม
- ชุดแบบฟอร์มที่ทางบริษัทจัดหาให้จะได้รับท่านละ 2 ชุดต่อปี เมื่อถูกแต่งตั้งเป็นพนักงานประจำแล้ว
- หากปีใดไม่ได้มีการจัดทำชุดฟอร์มใหม่ ในปีนั้นพนักงานก็จะไม่ได้รับ
- ไม่สามารถเบิกเกินจำนวนที่บริษัทจัดหาไว้ให้
- สามารถซื้อเพิ่มเติมได้ในราคาต้นทุน โดยแจ้งกับแผนกทรัพยากรบุคคลล่วงหน้า
8.8 สิทธิค่าปรับจราจร
- บริษัทสนับสนุนให้พนักงานปฏิบัติตามกฏหมายดังนั้นบริษัทฯไม่อนุญาตให้นำใบสั่งปรับของพนักงานจราจรมาเบิกกับบริษัทไม่ว่ากรณีใดๆ
8.9 สิทธิรถประจำตำแหน่ง
- บริษัทยังไม่มีนโยบายมอบรถประจำตำแหน่งให้พนักงาน
8.10 สิทธิค่าที่พักแรม
- กรณีที่ต้องมีการค้างคืนพักแรมพนักงานสามารถเบิกได้ในอัตราดังต่อไปนี้
- ค่าที่พักสูงสุด 800 บาทต่อคืน/คน หากเกินกว่านั้นพนักงานต้องเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนค่าใช้จ่ายที่เกินเอง และต้องออกใบกำกับภาษีในนามบริษัทเต็มรูปแบบ
- ข้อปฏิบัติของใบกำกับภาษี
- ไม่มี ถือเป็นรายได้ของพนักงาน ต้องถูกนำไปคำนวณภาษีปลายปีด้วย
- ให้ลดค่าที่พักสูงสุดเป็น 400 บาทต่อคืน / คน
- มีและไม่ได้เปิดในนามบริษัท ถือเป็นรายได้ของพนักงานต้องถูกนำไปคำนวณภาษีปลายปีด้วย
- มีและเปิดในนามบริษัท งดเว้นการหักภาษีเงินได้ตามจำนวนเงินที่ระบุในใบกำกับภาษีนั้น
ตัวอย่างการเบิกค่าที่พักแรม
- พนักงาน 2 คน พักห้องเดียวกันคืนละ 1,500 บาท สามารถนำมาเบิกได้คนละ 750 บาท
- พนักงาน 2 คน พักห้องเดียวกันคืนละ 2,000 บาท สามารถนำมาเบิกได้คนละ 800 บาท ส่วนต่าง 400 บาท พนักงานจ่ายเอง
- พนักงาน 3 คน พักห้องเดียวกันปกติคืนละ 1,500 บาท ทางโรงแรมคิดเตียงเสริม 400 บาท สามารถนำมาเบิกได้คนละ 633.33 บาท (มาจาก 1,900÷3)
8.11 สิทธิใช้งานอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล
- พนักงานที่ต้องการใช้อุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล มีข้อกำหนดดังนี้
- เสื้อเรืองแสง หมวกนิรภัยสามารถยืมได้ และตั้งแต่ ม.ค. 2564 เป็นต้นไปจะไม่มีการซื้อเพิ่มเติมให้พนักงานจัดหาเอง
- รองเท้านิรภัย สามารถนำบิลมาเบิกได้ไม่เกิน 500 บาท
- พนักงานสามารถเสนอจัดซื้ออุปกรณ์ป้องกันภัยเพื่อการใช้งานเป็นรายเฉพาะบุคคลได้โดยบริษัทขอสงวนสิทธิ ในการพิจารณาจัดซื้ออุปกรณ์ดังกล่าวตามความสมควร
8.12 สิทธิรักษาพยาบาล
- เป็นไปตามสิทธิกองทุนทดแทนและตามสิทธิประกันสังคม
8.13 สิทธิทำฟัน / การรักษาเกี่ยวกับดวงตา
- ยังไม่มีนโยบายให้สวัสดิการค่าทำฟันและรักษาเกี่ยวกับดวงตา
8.14 สิทธิประกันภัยส่วนบุคคล
- บริษัทจัดทำการประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลแบบกลุ่มให้ โดยพนักงานทุกคนจะได้รับการประกันตามแผนการประกันตามที่ บริษัทฯ ได้จัดให้โดยมีบริษัทประกัน 2 บริษัท
- ประกัน AIA
- ประกัน TMB Payroll
- ผลประโยชน์และความคุ้มครองสามารถอ่านขอเพิ่มเติมได้ที่ผู้จัดการฝ่ายบุคคล
- กรมธรรม์การเข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลและการผ่าตัดแบบกลุ่มซึ่งจะรวมถึงความคุ้มครองในส่วนของห้องพักในโรงพยาบาล, ค่าธรรมเนียมในการผ่าตัด, การตรวจเอ็กซ์เรย์และการทดสอบจากห้องทดลอง
- การประกันอุบัติเหตุกลุ่มเกี่ยวกับการเสียชีวิต และความบกพร่องทางร่างกายส่วนบุคคล
- ข้อตกลงและเงื่อนไขต่างๆ ของกรมธรรม์ ซึ่งมีผลบังคับใช้ต่อการเรียกร้องต่างๆ ภายใต้กรมธรรม์นั้น จะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของบริษัทฯ แต่เพียงผู้เดียว
8.15 สิทธิค่าตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลา
- ให้ดูที่สิทธิขั้นพื้นฐาน (เกณฑ์ทำงานล่วงเวลาและทำงานในวันหยุด)
8.16 สิทธิค่าโทรศัพท์มือถือ
- แบบรายเดือน บริษัทดำเนินการจัดหาโปรโมชั่นให้ตามความเหมาะสม มีข้อกำหนดดังนี้
- ในทำงานทางบริษัทจะรับผิดชอบค่าโทรศัพท์มือถือเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 1,000 บาทต่อเดือน
- หากยอดค่าโทรศัพท์เกินกว่านั้นเจ้าหน้าที่ขายจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเอง
- หากไม่รับผิดชอบทางบริษัทจะทำการหักค่าส่วนเกินผ่านบัญชีเงินเดือนและคิดค่าดำเนินการ 500 บาท / ครั้ง
- ยกเว้นในกรณีที่ค่าโทรศัพท์ในเดือนนั้นๆ มีจำนวนสูงกว่า 1,000 บาท อันเนื่องมาจากการโทรในการปฏิบัติหน้าที่ (ตรวจสอบโดยผู้บังคับบัญชา/หัวหน้างาน) จำนวนเงินส่วนที่เกินมานี้จะสามารถทำการเบิกได้โดยผ่านการอนุมัติของผู้จัดการแผนก
- บริษัทจะต้องจัดหาเบอร์โทรศัพท์และโทรศัพ์ให้ดังนี้
- เจ้าหน้าที่ขายทุกคน
- เจ้าหน้าที่จัดซื้อทุกคน
- เจ้าหน้าที่บัญชี
- เจ้าหน้าที่จัดส่ง เดือนละไม่เกิน 500 บาท
- แบบเติมเงิน มีข้อกำหนดดังนี้
- สำหรับเบอร์ที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย
- สำหรับเบอร์ที่มีการโทรน้อย
- ได้ไม่เกินเดือนละ 500 บาท
- มีให้สำหรับทุกแผนกและให้หัวหน้าเป็นผู้ดำเนินการจัดหาเบอร์
ข้อปฏิบัติ
- พนักงานทุกตำแหน่งจะต้องใช้เบอร์โทรศัพท์ของบริษัทที่มอบให้เท่านั้น
- ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้บังคับบัญชา และผู้จัดการแผนก ในการปฏิบัติให้สอดคล้องตามระเบียบปฏิบัติ
- การเบิกเงินค่าโทรศัพท์มือถือนั้นจะต้องทำการเบิกเดือนต่อเดือนและบริษัทฯจะไม่รับผิดชอบในบิลค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งมีระยะเวลามากกว่า 1 เดือน
8.17 สิทธิเบี้ยเลี้ยงค่าเครื่องโทรศัพท์
- บริษัทจัดหาโทรศัพท์ให้ตามความเหมาะสม
- ไม่มีเงินค่าเบี้ยเลี้ยงสำหรับเครื่องโทรศัพท์
8.18 สิทธิเงินได้พิเศษประจำปี
- การพิจารณาจ่ายเงินได้พิเศษ จำนวนที่จะจ่ายบริษัทจะพิจารณาปีต่อปีจากผลประกอบการของบริษัทผลงานของหน่วยงานที่พนักงานสังกัด และผลงานของพนักงานแต่ละคน
9. สิทธิการลา
9.1 สิทธิการมาสาย และการขาดงาน
- การมาสาย คือ การมาทำงานและลงเวลาบันทึกเข้าทำงาน (สแกนนิ้ว) ตามเวลาเข้างานปกติ
- การมาสายนั้นมีเหตุไม่สมควร หัวหน้าสามารถพิจารณาเป็นขาดงานได้
- การขาดงานมีผลต่อการพิจารณาปรับค่าจ้างประปี
- หัวหน้าสามารถปรับเวลาเข้างานได้ หากเกิดเหตุที่จำเป็นและเหมาะสม พร้อมทั้งให้ลงข้อมูลใน Odoo หากมาสายโดยเหตุสุดวิสัย ให้แจ้งหัวหน้าให้ปรับเวลาเข้างาน
- การขาดงาน คือ การละทิ้งหน้าที่ หรือการหยุดงานโดยไม่มีการแจ้ง หรืออนุมัติจากหัวหน้างาน หรือแผนกทรัพยากรบุคคลรับทราบ มีข้อกำหนดดังนี้
- จะไม่ได้รับค่าจ้างในวันนั้น
- ในแต่ละปีจะมีการเก็บรวมรวมสถิติการขาดงาน
- มีผลกับการประเมินผลการปรับค่าจ้างประจำปี
- การขาดงานดังกล่าวมีกำหนดเป็นไปตามระเบียบ โดยใช้รอบปีปฏิทินในการนับวันขาดงานดังนี้
จำนวนวันขาดงาน | บทลงโทษ |
1 วัน | ตักเตือน , ไม่ได้รับค่าจ้าง |
2 วัน | ใบเตือน , ไม่ได้รับค่าจ้าง |
3 วัน | พักงาน , ไม่ได้รับค่าจ้าง |
4 วัน | ไล่ออก |
|
|
3 วันติดต่อกัน | ไล่ออก |
หมายเหตุ :ไม่มีเหตุผลอันสมควรไม่ได้เฉพาะเหตุผลที่หยุดงาน แต่มองถึงพนักงานนั้นสามารถแจ้งเหตุการหยุดงานได้หรือไม่ เช่น หากพนักงานหายไป วันนั้นเนื่องจากญาติป่วยต้องไปเฝ้าที่โรงพยาบาล แต่ไม่มีการแจ้งใดๆมาทางบริษัท ถือว่าเหตุผลนั้นไม่สมควร
9.2 สิทธิขอออกนอกสถานที่
- ยกเลิกสิทธิ์ข้อนี้ ตั้งแต่มีผลประกาศใช้กฎข้อบังคับฉบับนี้
- ให้ใช้สิทธิ์ลาไม่รับค่าจ้าง , ลากิจ
9.3 สิทธิลาพักร้อน
- พนักงานทุกคนมีสิทธิลาที่ได้รับการจ่ายเงินดังที่ระบุไว้ในสัญญาของการว่าจ้างงานโดยจำนวนวันลาที่จะได้รับนั้นจะขึ้นกับจำนวนของเดือนที่ผ่านการทำงาน ปีของการลานั้นจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมและสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม โดยมีข้อกำหนดดังนี้
- อายุงาน 1 ปี ลาได้ 6 วันต่อปี
- สำหรับพนักงานที่เข้ามาระหว่างปีให้ไปทบวันลาเฉลี่ยกับปีถัดไป
ตัวอย่าง
- เริ่มทำงาน เดือน เมษายน 2563 ผ่านงาน เดือน กรกฎาคม 2563
- ดังนั้น
- ลาพักร้อนปี 2563 คือ 4.5 วัน เริ่มใช้ได้เดือน สิงหาคม 63
- ลาพักร้อนปี 2564 คือ 6 วัน
ตัวอย่าง 2
- เริ่มงานเดือน ตุลาคม 2563 ผ่านงานเดือน มกราคม 2564
- ดังนั้น
- ลาพักร้อน 2563 คือ 0 วัน
- ลาพักร้อน 2564 คือ 6 วัน + 1.5 วัน
- อายุงาน 2 ปี ลาได้ 6 วันต่อปี
- อายุงาน 3 ปี ลาได้ 8 วันต่อปี
- อายุงาน 4 ปี ลาได้ 10 วันต่อปี
- อายุงาน 5 ปี ลาได้ 12 วันต่อปี
- อายุงาน 6 ปีขึ้นไป ลาได้ 14 วันต่อปี
ข้อปฏิบัติ
- บริษัทไม่คืนวันลาพักร้อนเป็นเงิน
- วันลาพักร้อนไม่สามารถสะสมในปีถัดไป
- สามารถใช้วันลาพักร้อนสูงสุดรวมวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์แล้ว ไม่เกิน 10 วัน
- วันลาพักร้อนโอนให้กับคนอื่นไม่ได้
- สามารถสลับวันลาพักร้อนได้ในแผนกเดียวกันเท่านั้น โดยได้รับการอนุมัติจากหัวหน้าเท่านั้น
ข้อปฏิบัติการแจ้งกำหนดการลาพักร้อน
- กรณีปกติ ให้แจ้งตามกำหนดการล่วงหน้า 1 เดือนภายในวันที่ 10 ของทุกเดือนลงในระบบ Odoo
ตัวอย่าง
- ต้องการลาช่วงวันที่ 1-30 พ.ย. ต้องแจ้งภายในวันที่ 1-10 ต.ค. นอกเหนือจากนั้นจะต้องใช้สิทธิการลาในเดือนถัดไป
- กรณีพิเศษ เช่น ได้รับรางวัลจากการเสี่ยงโชค , สิทธิพิเศษที่ไม่สามารถคาดเดาได้ล่วงหน้า
- แจ้งกับทางหัวหน้าเพื่อเปลี่ยนแปลงวันลาพักร้อนและหัวหน้าเป็นผู้อนุมัติ
- แสดงเอกสารที่เกี่ยวข้องกับรางวัล / สิทธิพิเศษ
9.4 สิทธิลารับปริญญาบัตร
- บริษัทกำหนดให้การลาเพื่อรับปริญญาบัตรให้เป็นดังนี้
ประเภทพนักงาน | สิทธิการลา |
พนักงานประจำ | ลากิจ , ลาพักร้อน , ลาไม่รับค่าจ้าง |
พนักงานทดลองงาน | ลาไม่รับค่าจ้าง |
พนักงานสัญญาจ้าง | ลาไม่รับค่าจ้าง |
9.5 สิทธิลาเพื่อทำหมัน
- พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 33 บัญญัติว่า ให้ลูกจ้างมีสิทธิลาเพื่อทำหมันได้และมีสิทธิลาเนื่องจากการทำหมันตามระยะเวลาที่แพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งกำหนดและออกใบรับรองซึ่งลูกจ้างมีสิทธิลาโดยได้รับค่าจ้างได้เท่าที่แพทย์ระบุและออกใบรับรองให้
9.6 สิทธิลาเพื่อรับราชการทหาร
ข้อปฏิบัติ
- การลาเพื่อรับราชการทหาร มาตรา 35 ให้ลูกจ้างมีสิทธิลาเพื่อรับราชการทหารในการเรียกพลเพื่อตรวจสอบเพื่อฝึกวิชาทหารหรือเพื่อทดลองความพรั่งพร้อมตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร
- ลูกจ้างมีสิทธิลาเพื่อไปรับราชการทหาร เป็นสิทธิของลูกจ้างโดยเฉพาะไมใช่อํานาจของนายจ้างที่จะพิจารณากําหนด
- มิใช่ลูกจ้างมีสิทธิแล้วจะขอลาได้เลย ลูกจ้างจะลาได้ก็ต่อเมื่อมีเหตุทางการรับราชการทหารเท่านั้น และจะต้องมีหลักฐานทางราชการทหารมาแสดงต่อนายจ้างด้วย
- เพื่อรับราชการทหารเป็นการเฉพาะทหาร การเรียกพลเพื่อตรวจสอบเพื่อฝึกวิชาทหารการเรียกพลเพื่อทดลองความพลั่งพร้อมเท่านั้น การเกณฑทหารนั้นไม่ก่อให้เกิดสิทธิการลาตามมาตรานี้
- กําหนดลาเพื่อราชการทหารเท่าจํานวนวันที่กระทรวงกลาโหมกําหนด จะลาทุกครั้งที่ กระทรวงกลาโหมเรียกและไม่ว่าปีนั้นลูกจ้างจะเคยมามาแล้วหรือไม่ประการใด
- ค่าจ้างการลาเพื่อรับราชการทหาร มาตรา 58 ให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างในวันลาเพื่อรับราชการทหารตามมาตรา 35 เท่ากับค่าจ้างในวันทํางานตลอดระยะเวลาที่ลาแต่ปีหนึ่งต้องไม่เกิน 60 วัน
- จะเป็นระยะเวลาครั้งละกี่วันและในหนึ่งปีจะเป็นการเรียกหลายครั้งก็ตามมีสิทธิได้รับค่าจ้างทุกครั้งที่ถูกเรียก
- ปีหนึ่งต้องไม่เกินค่าจ้างสําหรับการไปรับราชการทหารนั้น 60 วันเท่านั้น ส่วนที่เกินกําหนด 60 วันนั้นนายจ้างจะจ่ายให้ลูกจ้างหรือไม่เป็นเรื่องของนายจ้าง
- การลาเพื่อตรวจเลือกและเขารับราชการทหารประจําปี การไปรับราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหารเมื่อครบกําหนดแล้วปลดออกแล้ว ขอกลับเขาทํางานนายจ้างไม่รับกลับไม่เป็นการเลิกจ้าง
9.7 สิทธิลาเพื่อการฝึกอบรม
- ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน ฯ มาตรา 36 บัญญัติให้สิทธิลูกจ้างลาเพื่อฝึกอบรมและพัฒนาความรู้ความสามารถของตนได้ โดยบัญญัติว่า “ให้ลูกจ้างมีสิทธิลาเพื่อการฝึกอบรมหรือพัฒนาความรู้ความสามารถตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง”
- กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับสิทธิลาเพื่อการฝึกอบรมหรือพัฒนาความรู้ความสามารถของลูกจ้าง ไว้ได้ดังนี้
วัตถุประสงค์ของการลา
- ลูกจ้างมีสิทธิลาเพื่อฝึกอบรมหรือพัฒนาความรู้ความสามารถ รวมถึงการฝึกอบรมหรือพัฒนาเกี่ยวกับทักษะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน โดยต้องมีโครงการหลักสูตรและกำหนดวันเวลาที่แน่นอนชัดเจน
- การสอบวัดผลทางการศึกษาที่ทางราชการจัดหรืออนุญาตให้จัดขึ้น เช่น การศึกษาหลักสูตรการศึกษานอกโรงงาน หรือเรียนตามมหาวิทยาลัยเปิดต่าง ๆ เมื่อทางสถาบันการศึกษาดังกล่าวจัดสอบลูกจ้างมีสิทธิลาไปสอบได้
- กฎหมายกำหนดให้ลูกจ้างลาไปเพื่อการทดสอบหรือวัดผลทางการศึกษาเท่านั้น ลูกจ้างจะใช้สิทธิลาเพื่อไปเรียนตามมาตรานี้ไม่ได้ แต่หากนายจ้างจะส่งเสริมหรือให้การสนับสนุนก็สามารถทำได้
ข้อปฏิบัติ
- ต้องแจ้งให้นายจ้างทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน โดยระบุถึงเหตุที่ลาโดยชัดแจ้ง
- นำหลักฐานเกี่ยวกับการขอลา
- ไม่ว่ากรณีใด ๆ นายจ้างอาจไม่อนุญาตให้ลูกจ้างลาเพื่อฝึกอบรมหรือพัฒนาความรู้ ถ้าพนักงานได้รับอนุญาตให้ลาเพื่อฝึกอบรมมาแล้วในปีนั้น รวม 30 วันหรือลามาแล้ว 3 ครั้ง การลานั้นอาจเกิดความเสียหายแก่การประกอบธุรกิจของนายจ้าง นายจ้างพิสูจน์ได้ว่าการใช้สิทธิลาของลูกจ้าง จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่การประกอบธุรกิจของนายจ้าง กฎหมายให้สิทธินายจ้างปฏิเสธไม่ให้พนักงานลาเพื่ออบรมได้ เช่น ทำงานตำแหน่งสำคัญ หากหยุดไปงานสะดุดหรือเสียหาย หรืองานเร่งด่วนขาดคนไม่ได้ต้องทำงานต่อเนื่อง เป็นต้น
- บริษัทจะไม่จ่ายเงินค่าจ้างให้กับพนักงานที่ลาฝึกอบรม (ลาไม่รับค่าจ้าง)
9.8 สิทธิลากิจ
- พนักงานสามารถลากิจได้โดยจ่ายเงินเต็มจำนวนเป็นจำนวน 8 วันของปีปฏิทิน
- การลากิจขึ้นอยู่กับเอกสารรับรอง เช่นใบสูติบัตร, ใบมรณะบัตร เป็นต้น บริษัทจะยึดจำนวนของวันลากิจดังต่อไปนี้
- การตายของสมาชิกในครอบครัว (สามี, ภรรยา, บุตรที่ถูกต้องตามกฎหมาย, บิดามารดา, บิดามารดาในกฎหมาย, พี่น้องและปู่ย่าตายาย) 2 วัน
- การรลาเมื่อภรรยาคลอดบุตร (ภรรยาคนแรกตามกฎหมายเท่านั้น) 2 วัน
- การแต่งงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายครั้งแรก 2 วัน
- การลากิจจะไม่ได้รับการสะสมหรือยกยอดไปปีถัดไป
- การลากิจจะต้องมีความสอดคล้องกับวันที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นจริงและในกรณีที่ไม่ได้ลาในวันดังกล่าวจะต้องทำการลาในวันถัดไป
- ลงระบบ Odoo การขอลางานก่อนวันลา 3 วัน
- พนักงานจะได้รับอนุญาติให้ลากิจได้ต่อเมื่อได้รับการอนุมัติจากผู้บังคับบัญชาเท่านั้น
- ต้องระบุสถานที่หรือเรื่องที่จะลากิจ หากไม่ระบุหัวหน้างานมีสิทธิที่จะไม่อนุมัติให้ลาได้
ข้อปฏิบัติ
- กรณีปกติ
- แจ้งหัวหน้า
- ลงข้อมูลในระบบ Odoo
- แนบรูปถ่ายของสถานที่ที่ไป
- กรณีฉุกเฉิน
- แจ้งหัวหน้าและHR ทาง Line เวลาไม่เกิน 10.00 น.
- ลงข้อมูลในระบบ Odoo ย้อนหลังได้ไม่เกิน 3 วัน
- แนบรูปถ่ายของสถานที่ที่ไป
- หากเกินจาก 3 วันถือเป็นการขาดงาน
- การลาต่อไปนี้ ไม่ถือเป็นการลากิจ
- ลาไปจับทหาร (ข้อ 4.2.6)
- สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากภาคผนวก
9.9 สิทธิลาบวช
ข้อปฏิบัติ
- พนักงานเพศชายจะมีสิทธิที่จะขอลาบวช (ครั้งแรกเท่านั้น) ได้เป็นระยะเวลา 15 วัน (รวมวันหยุดและวันหยุดสาธารณะต่างๆ) หากเกินให้พนักงานใช้สิทธิลาไม่รับค่าจ้าง
- ลาได้สูงสุดเป็นระยะเวลา 90 วัน เกินจากนี้ถือเป็นการผิดสัญญาจ้าง
- ต้องส่งแบบฟอร์มการขอลางานให้กับผู้บังคับบัญชาก่อนวันที่จะทำการลาเป็นระยะเวลา 30 วัน
- พนักงานจะได้รับอนุญาติให้ลาบวชได้ต่อเมื่อได้รับการอนุมัติจากผู้บังคับบัญชาเท่านั้น
- ลาบวชชี , ปฏิบัติธรรม = ไม่มี ให้ใช้สิทธิลาพักร้อนหรือสิทธิลาไม่รับค่าจ้าง
9.10 สิทธิลาคลอด
ข้อปฏิบัติ
- พนักงานเพศหญิงที่ตั้งครรภ์จะมีสิทธิที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆจากการตั้งครรภ์ตามที่ระบุไว้ในบทที่ 6 ของ พระราชบัญญัติการจ้างงาน พ.ศ. 2541 (19 สิงหาคม 2541) สาระสำคัญของพระราชบัญญัติดังกล่าวจะมีดังต่อไปนี้
- ถ้าพนักงานมีคุณสมบัติที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆจากการตั้งครรภ์แล้วนั้น พนักงานจะมีสิทธิที่จะทำการลาคลอดได้สูงสุด 98 วัน (รวมวันหยุดและวันหยุดสาธารณะต่างๆ) สำหรับการคลอดบุตรในแต่ละครั้ง
- การลาคลอดนี้สามารถที่จะลาได้ ณ ช่วงเวลาใดๆก่อนการคลอดแต่ไม่เร็วกว่า 30 วันของการคลอด
- การลาที่นานเกินกว่า 45 วันนั้นจะถือเป็นการลาที่ไม่ได้รับค่าจ้างเว้นแต่จะนำวันหยุดพักร้อนหรือการลาป่วยเข้ามาใช้ (ให้ไปอ่านสิทธิประกันสังคมข้อที่ 4.1.2)
- ในช่วง 45 วันของการลาคลอดดังกล่าวนั้นพนักงานจะยังคงได้รับค่าจ้างในอัตราปกติ
- พนักงานจะถูกกำหนดให้แจ้งต่อผู้บังคับบัญชาอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรโดยจะรวมถึงวันที่ขอลาคลอดและการลาช่วงหลังคลอดโดยยึดวันที่มาก่อน
- ต้องส่งแบบฟอร์มการขอลางานให้กับผู้บังคับบัญชาและแผนกทรัพยากรบุคคลก่อนวันที่จะทำการลาเป็นระยะเวลา 30 วัน พนักงานจะได้รับอนุญาติให้ลาคลอดได้ต่อเมื่อได้รับการอนุมัติจากผู้บังคับบัญชาเท่านั้น
- ค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ต่างๆที่เกิดขึ้นจากการตั้งครรภ์นั้นจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท
9.11 สิทธิลาโดยไม่รับค่าจ้าง
- จากการตัดสินใจของบริษัท บริษัทอาจจะอนุญาติให้พนักงานทำการลาโดยไม่ได้รับค่าจ้างได้ในเหตุผลที่สำคัญ
- พนักงานจะได้รับอนุญาติให้ทำการลาโดยไม่ได้รับค่าจ้างได้ภายหลังจากได้รับการอนุมัติจากหัวหน้า
- หากไม่ได้รับความเป็นธรรม ให้ร้องเรียนกับผู้บังคับบัญชาที่สูงกว่า หรือแผนกทรัพยากรบุคคล
9.12 สิทธิลาป่วย
ข้อปฎิบัติ
- พนักงานทุกคนจะสามารถใช้การลาป่วยได้ตามใบรับรองของแพทย์มีสิทธิได้รับวันลาป่วยที่ได้รับการจ่ายค่าจ้างจำนวน 30 วันต่อปีปฏิทิน หากเกินกว่า 30 วันจะไม่ได้รับค่าจ้าง
- พนักงานที่ลาป่วยเป็นเวลามากกว่า 2 วัน จะต้องส่งใบรับรองแพทย์ที่ระบุให้สมควรหยุดพักรักษา ให้กับแผนกทรัพยากรบุคคล
- การรักษาต่อเนื่อง โดยการนัดจากแพทย์ ถือเป็นลาป่วย
- การรักษาต่อเนื่อง จากโรคประจำตัวที่ทราบอยู่แล้วและพบแพทย์เป็นประจำ ไม่ถือเป็นลาป่วย
ขั้นตอนการลาป่วยยุคใหม่
- ให้ลาป่วยทาง Line กับผู้บังคับบัญชาและแผนกทรัพยากรบุคคล
- ต้องแจ้งให้ทราบถึงการลาก่อนเวลา 10.00 น. ในวันเดียวกันนั้นๆ
- การไม่ปฏิบัติตามจะถือว่าเป็นการขาดงานโดยไม่ได้รับอนุญาติหรือมีเหตุผลที่เพียงพอ
- จะไม่ได้รับสิทธิในการลาป่วย
- ใช้ Line ส่วนตัวเท่านั้น
- ไม่ต้องโทรแจ้ง ให้ใช้ข้อความทาง Line เป็นหลักฐาน
- กรณีมีใบรับรองแพทย์ ให้นำส่งแผนกทรัพยากรบุคคลพร้อมหลักฐานการลา
9.13 สิทธิลาทดแทน
- บริษัทไม่มีนโยบายสำหรับการลาทดแทน
9.14 สิทธิลาแต่งงาน
ข้อปฏิบัติ
- มีสิทธิลาโดยได้รับค่าจ้างเป็นเวลา 3 วัน ในโอกาสมงคลสมรสตามกฎหมายครั้งแรกเท่านั้น
- เกินจาก 3 วันให้ใช้วันลาพักร้อนหรือลาไม่รับค่าจ้างและไม่เกิน 10 วันรวมวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์แล้ว
- ต้องมีทะเบียนสมรสหรือหลักฐานอื่นใดสนับสนุน
- ต้องใช้เป็นระยะวันลาติดกันก่อนหน้าหรือภายหลังจากวันสมรส
- ยื่นเอกสารขออนุมัติอย่างน้อย 2 สัปดาห์ล่วงหน้า
10. มารยาทในการทำงาน
10.1 มารยาทการเขียนอีเมล
ที่ระบุไว้ตามข้อข้างล่างนี้ เป็นคำแนะนำในการใช้อีเมลของบริษัท
- ควรที่จะต้องมีหัวข้อเรื่องที่มีความหมายชัดเจนทุกครั้ง ที่มีการส่งอีเมล เพื่อที่ผู้อ่านจะได้เข้าใจในเบื้องต้นเกี่ยวกับรายละเอียดของอีเมลที่ส่งมาให้นั้น
- ควรมีการเพิ่มข้อมูลอีเมลของลูกค้าหรือบุคคลที่คุณต้องติดต่อด้วยเสมอ เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการติดต่อ
- ถ้าคุณต้องการบอกถึงข้อความต่างๆควรจะเขียนให้สั้น และพยายามหลีกเลี่ยงหัวข้อที่อาจจะเกิดการโต้แย้งขึ้นได้
- อย่าให้สำเนาของข้อความบนอีเมลให้ใครถ้าไม่จำเป็น
- พยายามส่งข้อมูล 1 อีเมลต่อหนึ่งหัวข้อเรื่อง
- เมื่อคุณต้องมีการส่งข้อมูลที่ยาวและซับซ้อน อาจจะเหมาะสมกว่าถ้าคุณจะแบ่งออกเป็นส่วนๆตามหัวข้อ
- พยายามทำให้อีเมลนั้นสั้นกระชับ และเข้าใจง่าย
- อย่าเขียนด้วยตัวพิมพ์ใหญ่
- ควรจะมีคำเกริ่นนำและคำลงท้ายเสมอเวลาที่ส่งอีเมล พยายามใช้คำว่า กรุณา และขอบคุณ เมื่อจำเป็นและเห็นสมควร
- พยายามอย่าส่งอีเมลเมื่อคุณอยู่ในอารมณ์โกรธ
10.2 มารยาทการใช้สถานที่
- ปิดไฟปิด แอร์ จัดโต๊ะ เก็บขยะให้เรียบร้อยทุกครั้งหลังใช้ห้องประชุม
- ไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้ามาใช้สถานที่ ก่อนได้รับการอนุญาตจากผู้บังคับบัญชา
- ช่วยกันรักษาความสะอาดอาคารและสถานที่ และควรรับผิดชอบตามเวรที่ได้รับมอบหมาย
10.3 มารยาทในการทำงานร่วมกัน
- ไม่ส่งเสียงรบกวน หรือสร้างความรำคาญให้กับเพื่อนร่วมงาน
- ไม่ควรใช้คำพูด หรือคำถามที่เป็นการก้าวก่ายสิทธิและหน้าที่ของเพื่อนร่วมงาน เช่น ทำอะไรอยู่ ทำไมต้องทำแบบนี้ หรือวันๆทำอะไรบ้าง
11. ภาคผนวก
ตัวอย่างการลา
เหตุการณ์ | Link / ข้อสรุป |
หมอนัดตรวจครรภ์ตอนช่วงตั้งครรภ์ | ลากิจ , ลาไม่รับค่าจ้าง |
หมอนัดตรวจ หลังจากทำฟัน , ดัดฟัน ฯลฯ | ลากิจ , ลาไม่รับค่าจ้าง |
หมอนัดตรวจดูอาการเพื่อรักษาต่อเนื่อง | ลาป่วย |
ปวดท้องประจำเดือน | ลาป่วย (ให้ติดตามผล หากมีการลาป่วยจากการปวดท้องประจำเดือนติดต่อกัน 3 ครั้ง ให้ไปพบแพทย์ด้วยตัวเอง) |
ศัลยกรรมเพื่อความงาม | ลาไม่รับค่าจ้าง |
ศัลยกรรมเพื่อรักษา | ลากิจ , ลาไม่รับค่าจ้าง |
ทำเลสิค | ลากิจ , ลาไม่รับค่าจ้าง |
บวชหน้าไฟ | ลากิจ , ลาไม่รับค่าจ้าง |
หมอนัดล้างแผล | ลากิจ , ลาไม่รับค่าจ้าง |
หมอนัดทำกายภาพ | ลาป่วย |
ลาไปเลือกตั้ง ส่วนภูมิภาค | ลากิจ , ลาไม่รับค่าจ้าง |
ลาไปจับทหาร | ลากิจ , ลาไม่รับค่าจ้าง |
ลาพาพ่อแม่ไปหาทำกิจส่วนตัว | ลากิจ , ลาไม่รับค่าจ้าง |
ลาไปซ่อมรถ | ลากิจ , ลาไม่รับค่าจ้าง |
ลาไปเอารถเข้าศูนย์ | ลากิจ , ลาไม่รับค่าจ้าง |
ลาปวดท้องประจำเดือน | ลาป่วย หากลาต่อเนื่อง 3 เดือน ให้ไปพบแพทย์ |
ลาฉุกเฉินไม่แจ้งล่วงหน้า และไม่ลงบันทึกการลาภายในเวลาที่กำหนด | ขาดงาน |
ลาบวชเกิน 15 วัน | ลากิจ , ลาไม่รับค่าจ้าง , ลาพักร้อน |
ลาป่วยเท็จ | ไล่ออก ไม่ต้องทำใบเตือนหรือฑัณบน |
ลากิจเท็จ | ไล่ออก ไม่ต้องทำใบเตือนหรือฑัณบน |
ลาพาลูกทำกิจส่วนตัว | ลากิจ , ลาไม่รับค่าจ้าง |
ลาทำบัตรประชาชน , ใบขับขี่ ฯลฯ | ลากิจ , ลาไม่รับค่าจ้าง |
ลาวันเกิด | ลากิจ , ลาไม่รับค่าจ้าง , ลาพักร้อน |
ลาติดต่อราชการ แบบต่อเนื่อง เช่น - ไปสอบใบขับขี่แล้วไม่ผ่าน ให้ไปสอบใหม่วันรุ่งขึ้น ซึ่งตอนแรกลาไว้ 1 วัน แต่พอสอบไม่ผ่านก็ต้องลาต่ออีก 1 วัน | ลากิจ , ลาไม่รับค่าจ้าง |
ลาไปทำธุรกรรมทางการเงิน | ลากิจ , ลาไม่รับค่าจ้าง |
ลาไปทำธุรกรรมทางการเงินแบบต่อเนื่อง | ลากิจ , ลาไม่รับค่าจ้าง |
ลาป่วยเกิน 30 วันต่อปี | พักงาน , ใช้สิทธิเกินกว่ากฏหมายกำหนด ยกเลิกสัญญาจ้าง และพิจารณาใหม่ |
ลากิจเกิน 8 วันต่อปี | ลาไม่รับค่าจ้าง |
ลาพักร้อนเกินกว่ากำหนด | ลาไม่รับค่าจ้าง |
ตัวอย่างการทำผิดและการลงโทษ
เหตการณ์ | Link / ข้อสรุป |
ออกไปข้างนอกโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชา | ถือเป็นการละเลยต่อหน้าที่ ไม่อยู่ในที่ทำงาน ขั้นที่ 1 ตักเตือน ขั้นที่ 2 ใบเตือน |
ลืมปิดเครื่องปรับอากาศ | ลงโทษทางวินัยอย่างเหมาะสม |
ทำงานไม่เสร็จตามกำหนด โดยไม่มีสาเหตุ | ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน หากมีเจตนาไม่ทำตามคำสั่ง ท้าทายคำสั่ง เจตนาไม่ทำงานเพื่อให้นายจ้างเกิดความเสียหายถือเป็นความผิดร้ายแรง โทษคือให้ออก |
ปฏิบัติงานนอกเหนือคำสั่งโดยไม่แจ้งต่อผู้บังคับบัญชา | ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน หากมีเจตนาทำนอกเหนือคำสั่ง ท้าทายคำสั่ง เจตนาเพื่อให้นายจ้างเกิดความเสียหายถือเป็นความผิดร้ายแรง โทษคือให้ออก |
ไม่ทำงานที่ได้รับมอบหมาย โดยไม่มีสาเหตุ | ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอนหากมีเจตนาไม่ทำตามคำสั่ง ท้าทายคำสั่ง เจตนาไม่ทำงานเพื่อให้นายจ้างเกิดความเสียหายถือเป็นความผิดร้ายแรง โทษคือให้ออก |
ฝ่าฝืนคำสั่งผู้บังคับบัญชา | ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอนหากมีเจตนาฝ่าฝืนคำสั่ง ท้าทายคำสั่ง เจตนาไม่ทำงานเพื่อให้นายจ้างเกิดความเสียหายถือเป็นความผิดร้ายแรง โทษคือให้ออก |
ขโมยทรัพย์สินนายจ้าง | ไล่ออก ดำเนินคดีตามกฏหมาย |
ขโมยทรัพย์สินบริษัท | ไล่ออก ดำเนินคดีตามกฏหมาย |
นำทรัพย์สินบริษัทกลับบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาติ | ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอนหากมีเจตนา นำทรัพย์สินบริษัท ถือเป็นการลักทรัพย์ความผิดร้ายแรง โทษคือให้ออก |
ยืมทรัพย์สินแล้วไม่คืนตามกำหนด | ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอนหากมีเจตนา ไม่คืนทรัพย์สินตามกำหนด ถือเป็นการลักทรัพย์ความผิดร้ายแรง โทษคือให้ออก |
ยืมทรัพย์สินโดยไม่ได้รับอนุญาติ , ไม่มีเอกสาร | ถือเป็นการเจตนาลักทรัพย์ความผิดร้ายแรง โทษคือให้ออก |
ลืมมือถือออฟฟิศไว้ที่พักอาศัย | ถือเป็นความผิดไม่ร้ายแรงโทษคือ ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน |
ลืมมือถือออฟฟิศไว้ที่ออฟฟิศ (ไม่นำพกติดตัว) | ถือเป็นความผิดไม่ร้ายแรงโทษคือ ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน |
ไม่สามารถติดต่อเบอร์ออฟฟิศได้ในเวลางาน | ถือเป็นความผิดไม่ร้ายแรงโทษคือ ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน หากมีเจตนา ถือเป็นความผิดวินัยร้ายแรง โทษคือให้ออก |
ทำมือถือออฟฟิศหาย | จ่าย100เปอร์เซ็น ตามมูลค่าสินค้า |
ทำโน๊ตบุ๊คหาย | จ่าย100เปอร์เซ็น ตามมูลค่าสินค้า |
ทำโน๊ตบุ๊คชำรุด (ที่ไม่ได้เกิดจากการใช้งาน) | ผู้ทำให้เสียหายจ่ายค่าซ่อมเอง |
ทำลายข้าวของ ทรัพย์สินบริษัท | ไล่ออก ดำเนินคดีตามกฏหมาย |
นำพาบุคคลภายนอกเข้ามาก่อความวุ่นวายภายในบริษัท | ไล่ออก ดำเนินคดีตามกฏหมาย |
ทะเลาะวิวาทกันภายในบริษัท | ไล่ออกทั้งคู่ |
ตัวอย่างการตัดสินใจปัญหาที่เกิดจากการทำงาน
เหตการณ์ | Link / ข้อสรุป |
ด้านบัญชี - การเงิน |
|
คืนเงินค่าสินค้า | โอนเงินคืนลูกค้าทุกวันที่ 15 และ สิ้นเดือน |
ซื้อไปแล้วเกิน 7 วัน สินค้ายังไม่ได้ใช้งาน | ไม่โอนเงินคืน |
ซื้อไปแล้วเกิน 7 วัน สินค้าใช้งานแล้ว | ไม่โอนเงินคืน |
ซื้อไปแล้วเกิน 7 วัน สินค้าชำรุดเสียหาย | หากอยู่ในการรับประกันสินค้า สามารถนำมาเคลมได้ |
ซื้อไม่ถึง 7 วัน สินค้ายังไม่ได้ใช้งาน | สามารถโอนเงินคืนได้ |
ซื้อไม่ถึง 7 วัน สินค้าใช้งานแล้ว | หากอยู่ในการรับประกันสินค้า สามารถนำมาเคลมได้ |
ซื้อไม่ถึง 7 วัน สินค้าชำรุดเสียหาย | หากอยู่ในการรับประกันสินค้า สามารถนำมาเคลมได้ |
เปลี่ยน - คืนสินค้า |
|
ผิดรุ่น ต้องการเปลี่ยน | ้เปลี่ยนได้กรณีซัพยินยอม หากซัพไม่ยินยอมผู้ที่กระทำให้ผิดพลาดรับผิดชอบ |
ผิดขนาด ต้องการเปลี่ยน | เปลี่ยนได้กรณีซัพยินยอม หากซัพไม่ยินยอมผู้ที่กระทำให้ผิดพลาดรับผิดชอบ |
ผิดชนิด ต้องการเปลี่ยน | เปลี่ยนได้กรณีซัพยินยอม หากซัพไม่ยินยอมผู้ที่กระทำให้ผิดพลาดรับผิดชอบ |
ผิดรุ่น ต้องการคืนเงิน คืนของ | คืนได้กรณีซัพยินยอม หากซัพไม่ยินยอมผู้ที่กระทำให้ผิดพลาดรับผิดชอบ |
ผิดขนาด ต้องการคืนเงิน คืนของ | คืนได้กรณีซัพยินยอม หากซัพไม่ยินยอมผู้ที่กระทำให้ผิดพลาดรับผิดชอบ |
ผิดชนิด ต้องการคืนเงิน คืนของ | คืนได้กรณีซัพยินยอม หากซัพไม่ยินยอมผู้ที่กระทำให้ผิดพลาดรับผิดชอบ |
ลูกค้าซื้อเกิน ต้องการคืนเงิน | คืนได้กรณีซัพยินยอม หากซัพไม่ยินยอมผู้ที่กระทำให้ผิดพลาดรับผิดชอบ |
ขายเงินสด แต่ลูกค้าไม่ชำระตามกำหนด ณ วันส่งของ | เจ้าหน้าที่ขายผู้นั้นเป็นคนรับผิดชอบ |
ขายเงินสด ส่งขนส่ง แต่ลูกค้าไม่โอนเงินก่อน และซื้อของมาแล้ว | เจ้าหน้าที่ขายผู้นั้นเป็นคนรับผิดชอบ |
ขายเงินเชื่อ แต่ลูกค้าไม่ชำระตามกำหนด | โทรติดตามก่อน หากยังไม่ได้รับชำระให้ทำหนังสือทวงหนี้ |
แจ้งเบิกเงินเท็จ | ไล่ออก ดำเนินคดีตามกฏหมาย |
ทุจริตทางด้านการเงิน | ไล่ออก ดำเนินคดีตามกฏหมาย |
ด้านงานขาย |
|
เสนอราคา ไม่แนบสเปค | ตักเตือนด้วยวาจา |
เสนอราคา ส่ง Email ให้ลูกค้าผิดบริษัท | ตักเตือนด้วยวาจา/ออกใบเตือน |
เสนอราคา ส่ง Email ให้ลูกค้าผิดคน | ตักเตือนด้วยวาจา/ออกใบเตือน |
เสนอราคา ราคาผิด จำนวนผิด | ตักเตือนด้วยวาจา/ออกใบเตือน |
ขายสินค้า โดยไม่เสนอราคา ไม่แนบสเปค | ตักเตือนด้วยวาจา/ออกใบเตือน |
ขายสินค้า โดยไม่มีใบ PO จากลูกค้า | ต้องมีการเซ็นยืนยันสั่งซื้อในใบเสนอราคา/หรือไม่เกินอำนาจวงเงิน |
ขายสินค้า โดยเซ็นใบเสนอราคาแบบ Digital | ตักเตือนด้วยวาจา/ออกใบเตือน |
ลูกค้า PO วันนี้ีจะเข้ามารับของเองวันนี้ | สินค้าที่มี “Stock”หน้าร้าน /สินค้า “Trade” พิจารณาตาม Challenge |
ลูกค้า PO วันนี้จะเข้ามารับของเองพรุ่งนี้ | สินค้าที่มี “Stock”หน้าร้าน /สินค้า “Trade” พิจารณาตาม Challenge |
ลูกค้า PO วันนี้จะให้ส่งของพรุ่งนี้ | สินค้าที่มี “Stock”หน้าร้าน /สินค้า “Trade” พิจารณาตาม Challenge |
ต้องการส่งของด่วน แต่ไม่มีแมสเซนเจอร์ | พิจารณาตาม Challenge |
ต้องการรับของด่วน แต่ไม่มีแมสเซนเจอร์ | พิจารณาตาม Challenge |
ต้องการรับ-ส่งของด่วน แต่ไม่มีแมสเซนเจอร์ | เจ้าหน้าที่ขายส่งเอง,จัดซื้อรับเอง,ลูกค้ามารับเอง,ลูกค้ารับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง |
เสนอราคางานชนกันกับลูกค้ารายอื่น | พิจารณาตามเหตุผลโดยยึดจากผลประโยชน์ของบริษัทเป็นหลัก |
ขายสินค้ายี่ห้อที่ไม่อนุญาติให้ขาย | ตักเตือนด้วยวาจา/ออกใบเตือน เมื่อขายนอกเหนือข้อตกลง |
ขายของผิดเสปคที่ลูกค้าต้องการ โดยความผิดเกิดจากฝ่ายขาย | ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน และ ผู้ขายรับผิดชอบตามยอดที่เปิดบิล |
ฝ่าฝืนในการตัดสินใจตามลำดับชั้น | ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน |
ขายสินค้าต่ำกว่าราคา min โดยไม่ผ่านการอนุมัติ | ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน ไม่ได้รับค่านายหน้า |
ไม่ดำเนินการเรื่องอนุมัติเครดิตให้แล้วเสร็จก่อนที่ได้รับ PO จากลูกค้า | ให้ขายเป็นเงินสดเท่านั้น/เจ้าหน้าที่ฝ่ายขายสามารถสำรองจ่ายไปก่อนได้ |
ไม่ตรวจสอบวงเงินเครดิตลูกค้า ก่อนได้รับ PO | ให้ขายเป็นเงินสดเท่านั้น |
แถมเติมน้ำมัน PG โดยไมได้รับอนุมัติ | เจ้าหน้าที่ฝ่ายขายผู้นั้นเป็นคนรับผิดชอบ |
แถมข้อต่อ โดยไม่ได้รับอนุมัติ | เจ้าหน้าที่ฝ่ายขายผู้นั้นเป็นคนรับผิดชอบ |
Diaphram โดยไม่คิดค่า Seal ตามเงื่อนไข | ซื้อ Diaphragm + PG Bourdon ,PG Capsule,PG Digital ซื้อ Diaphragm + PG Switch ซื้อ Diaphragm + Pressure Tran ซื้อ Diaphragm > นำ PG Bourdon (ใหม่ or ใช้งานมาแล้ว) มาเอง ซื่อ Diaphragm > นำ Pressure Switch (ใหม่ใหม่ or ใช้งานมาแล้ว) มาเอง นำมาเอง (ใหม่) Diaphragm > ซื้อ PG Bourdon ,PG Capsule & PG Digital นำมาเอง (ใหม่) Diaphragm > ซื้อ Pressure Swith *** หมายเหตุ : แรงดันของเครื่องมือวัดต้องอยู่ในช่วง Range มาตารฐาน ตามสเปคของ Diaphragm แต่ละรุ่น ที่ทางบริษัทกำหนด *** >> รายละเอียดเพิ่มเติม ตารางค่าSeal Diaphragm (ข้อที่ 3.3.2.14) << |
ไม่ได้เสนอราคาค่า Mount | ให้ตักเตือนด้วยวาจาและลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน เจ้าหน้าที่ขายเป็นผู้รับผิดชอบในการประกอบสินค้าเอง |
ไม่ได้ตรวจสอบสถานะสินค้า Keymount , Bush | ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน และผู้ขายรับผิดชอบตามยอดส่วนต่าง |
หลังเข้าหน้างาน ไม่มีรายงาน | ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน |
ก่อนเข้าหน้างาน ไม่มีเอกสารอนุมัติ | ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน |
เข้าพบลูกค้า ไม่มีแผนงาน | ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน |
หลังเข้าพบลูกค้า ไม่มีรายงาน | ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน |
ไม่ถ่ายรูปชื่อบริษัทลูกค้าที่เข้าพบ | ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน |
ค่าปรับจราจร เมื่อนำรถบริษัทไปใช้ | ผู้ใช้รถนั้นรับผิดชอบเอง |
ลูกค้าทำใบกำกับภาษีหาย | ออกใบแทนหรือออกใบกำกับภาษีให้ใหม่ |
พนักงานทำใบกำกับภาษีหาย | ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน |
พนักงานทำสินค้าชำรุดระหว่างขนส่ง | ดูที่เจตนาว่ามีความประมาทเลินเล่อหรือเปล่า |
พนักงานไม่ตรวจสอบสภาพสินค้าเมื่อได้สินค้าจากผู้จำหน่าย | ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน
|
ส่ง Hand book เกินวันที่ 5 | ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน |
ไม่ส่ง Hand book | ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน |
ทำสินค้าประกอบ ไม่เสร็จตามกำหนด | ตักเตือนด้วยวาจา/ออกใบเตือน |
นัดส่งสินค้า โดยสินค้าไม่สามารถเสร็จได้ทันตามกำหนด | ให้ตักเตือนด้วยวาจา ลงโทษทางวินัยตามขั้นตอน หากมีความเสียหายเกิดขึ้นให้ผู้นั้นรับผิดชอบตามมูลค่าทรัพย์สิน |
ตัวอย่างการแก้ปัญหาด้านไอที
Program | เหตการณ์ | Link / ข้อสรุป |
Odoo | รับของไม่ได้ | เปิดใบส่งของชั่วคราว |
Odoo | ติดวงเงินเครดิต | ขอวงเงินเครดิตเพิ่ม |
Odoo | ปริ้นใบเสนอราคาแล้วเพี้ยน | กรณีOdoo ขัดข้องสามารถทำใน Google Sheet |
Odoo | ขายสินค้าขาดทุน | ผู้กระทำความผิดให้รับผิดชอบส่วนต่าง |
Odoo | รับของล่วงหน้า | จัดซื้อต้องเปิดใบสั่งซื้อก่อน คลังถึงจะรับของล่วงหน้าได้ |
Odoo | เปิดใบกำกับภาษีลงวันที่ล่วงหน้า | ล่วงหน้าได้แค่ 1 วัน |
Odoo | เปิดใบกำกับภาษี ย้อนหลัง | สามารถทำได้เฉพาะช่วงสิ้นเดือน |
Odoo | ID สินค้าซ้ำ ให้ใช้ตัวไหน | ให้ใช้ตัวที่ Create ก่อน |
Odoo | ดึง ID สินค้า ซื้อ xxxx ขายสินค้า yyyy แต่เป็นสินค้าเดียวกัน ทำให้ไม่สามารถรับของได้ | ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายขายไปดึง ID สินค้าใหม่ |
Odoo | ใบกำกับภาษีเกิน 1 หน้า | ในกรณีที่ไม่สามารถขยับได้แล้ว จะทำการเปิดอีก 1 ใบแต่เลขที่บิลจะต่อกัน |
Odoo | ต้องการลบสินค้า แล้วลบไม่ออก | กด Archive Product ตัวนั้น |
Server | เน็ตช้า , เน็ตล่ม | รีสตาร์ทเครื่อง,แจ้งเจ้าหน้าที่ไอที |
Server | Odoo เข้าไม่ได้ | แจ้งไปยัง IT Restart Server |
Word Press | Link Spec สินค้ามีปัญหา | ส่งไฟล์ ให้ลูกค้าก่อน และแจ้งไปยัง IT แก้ไข |
Word Press | เพิ่ม Link Spec สินค้า | แจ้งไปยัง IT แก้ไข |
Word Press | แบบฟอร์มที่ออกจาก WP เพี้ยน | ให้ผู้ที่สร้างแบบฟอร์ม แก้ไข |
Word Press | แบบฟอร์มเกิน 1 หน้า | ทำใน Google Sheet แทน หรือ Google Drive |
Gmail | แก้ Template Email | User รับผิดชอบ |
Contact Google | ผู้ติดต่อหาย ทั้งหมด | แจ้งมายังแผนก HR |
Contact Google | การ Sync รายชื่อเพื่อนร่วมงานทั้งหมด | วิธี Sync Contact |
Printer | Add , Remove Printer | ดาวน์โหลดและติดตั้ง Driver Printer Windows Add Printer |
Scanner | Scan ไม่ได้ | หากเกิดจากระบบให้แจ้งไปยังฝ่าย IT แก้ไข |
Fax | รับ Fax ไม่ได้ | แจ้งไปยัง IT แก้ไข |
Fax | ส่ง Fax ไม่ได้ | แจ้งไปยัง IT แก้ไข |