เกจวัดแรงดัน คืออะไร?
เกจวัดความดัน หรือ เกจวัดแรงดัน (Pressure Gauge) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับวัดแรงดันของของไหล ไม่ว่าจะเป็นของเหลวหรือก๊าซ โดยมีการนำไปใช้งานอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น โรงงานผลิตอาหาร เครื่องจักรกล ระบบไฮดรอลิก และระบบปิโตรเคมี เป็นต้น เกจวัดแรงดันช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบแรงดันภายในระบบเพื่อให้ทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
หลักการทำงานของเกจวัดแรงดัน
เกจวัดแรงดันทำงานโดยการตรวจจับแรงดันของของไหลภายในระบบแล้วแปลงค่าแรงดันนั้นให้เป็นค่าที่สามารถอ่านได้ โดยทั่วไปมีหลักการทำงานหลัก ๆ ดังนี้
- ระบบท่อบูร์ดอง (Bourdon Tube) – เป็นกลไกที่ใช้ท่อโลหะรูปโค้ง เมื่อลม หรือของไหลเข้าไปในท่อ ท่อจะขยายตัวและเคลื่อนที่ ซึ่งส่งผลให้เข็มบนหน้าปัดของเกจขยับไปตามค่าแรงดัน เป็นระบบที่พบมากที่สุดในเกจวัดแรงดัน
- ระบบไดอะแฟรม (Diaphragm Gauge) – ใช้แผ่นไดอะแฟรมที่สามารถโค้งงอได้ตามแรงดัน เมื่อแรงดันเพิ่มขึ้น แผ่นไดอะแฟรมจะขยับ และส่งสัญญาณไปยังกลไกแสดงผล
- ระบบแคปซูล (Capsule Gauge) – ใช้แคปซูลสองชั้นที่ขยายและหดตัวตามแรงดันที่เปลี่ยนแปลง
- ระบบดิจิทัล (Digital Pressure Gauge) – ใช้เซ็นเซอร์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อตรวจจับแรงดันและแสดงผลแบบดิจิทัล
ประเภทของเกจวัดแรงดัน
1. เกจวัดแรงดันแบบอนาล็อก (Analog Pressure Gauge)
เป็นแบบที่พบเห็นได้ทั่วไป ใช้กลไกเข็มชี้เพื่อแสดงค่าแรงดัน โดยรูปแบบหน้าปัดของเกจวัดแรงดันแบบอนาล็อกจะสามารถแบ่งออกได้ตามย่านการวัด (Pressure Range) ดังนี้
- แวคคั่มเกจ หรือ เกจวัดสูญญากาศ (Vacuum Gauge) – เป็นหน้าปัดเกจวัดที่มีย่านการวัดต่ำกว่า 0 bar แต่ไม่เกิน -1 bar
- เกจวัดแรงดันปกติ (Normal Pressure Gauge) – เป็นหน้าปัดเกจวัดที่มีย่านการวัดตั้งแต่ 0 bar ขึ้นไป เช่น 0-10 bar, 0-100 bar หรือ 0-1000 bar เป็นต้น
- คอมปาวด์เกจ (Compound Gauge) – เป็นหน้าปัดเกจวัดที่มีย่านการวัดตั้งแต่ -1 จนถึงค่าแรงดันที่มากกว่า 0 bar เช่น -1 ถึง 3 bar, -1 ถึง 9 bar เป็นต้น
2. เกจวัดแรงดันแบบดิจิทัล (Digital Pressure Gauge)
ใช้เซ็นเซอร์อิเล็กทรอนิกส์และหน้าจอ LED หรือ LCD เพื่อแสดงค่าแรงดัน เป็นเกจวัดที่มีความแม่นยำสูง นิยมใช้สำหรับงานสอบเทียบหรืองานที่ต้องการความแม่นยำในการวัดคุม แต่ก็แลกมาด้วยราคาที่สูงกว่าเกจวัดแบบอนาล็อกเช่นเดียวกัน
วิธีเลือกเกจวัดแรงดันที่เหมาะสม
- พิจารณาช่วงแรงดัน (Pressure Range) – ควรเลือกเกจที่สามารถวัดค่าแรงดันได้สูงกว่าค่าที่ต้องการใช้งานจริงประมาณ 1.5 เท่า เพื่อป้องกันความเสียหายจากแรงดันเกิน
- ประเภทของไหลที่วัด – ต้องเลือกวัสดุของเกจที่เหมาะสมกับของไหล เช่น ถ้าเป็นของไหลที่มีฤทธิ์กัดกร่อน ควรใช้เกจที่ทำจากสแตนเลสสตีล
- ขนาดหน้าปัด (Dial Size) – ควรเลือกขนาดที่สามารถอ่านค่าได้ง่าย เช่น ขนาด 2.5 นิ้ว, 4 นิ้ว หรือใหญ่กว่านั้น
- ความแม่นยำ (Accuracy) – สำหรับงานทั่วไป อาจใช้เกจที่มีความแม่นยำระดับ ±1.6% แต่หากเป็นงานที่ต้องการความแม่นยำสูง ควรเลือกเกจที่มีความแม่นยำ ±1% หรือต่ำกว่า
- รูปแบบการติดตั้ง – ตรวจสอบว่าเกจต้องติดตั้งแบบแนวตั้ง แนวนอน หรือแบบมีเกลียวต่อเข้ากับท่อหรืออุปกรณ์อื่น ๆ
ทำไมควรเติมน้ำมันในเกจวัดแรงดัน?
เกจวัดแรงดันบางรุ่นจะมีของเหลวเติมอยู่ภายใน เช่น น้ำมันกลีเซอรีน (Glycerin) หรือซิลิโคน ซึ่งมีประโยชน์หลายประการ ได้แก่
- ลดแรงกระแทกและการสั่นสะเทือน – ช่วยป้องกันไม่ให้เข็มบนหน้าปัดสั่นหรือสึกหรอง่าย
- ยืดอายุการใช้งาน – ลดการเสียดสีของชิ้นส่วนภายใน ทำให้เกจใช้งานได้นานขึ้น
- ป้องกันความชื้นและการกัดกร่อน – ของเหลวช่วยป้องกันการเกิดสนิมภายในตัวเกจ
- เพิ่มความแม่นยำในการอ่านค่า – การลดแรงสั่นสะเทือนทำให้การอ่านค่ามีความเสถียรและแม่นยำขึ้น
วิธีดูแลรักษาเกจวัดแรงดัน
- ตรวจสอบค่าการวัดเป็นประจำ – ควรเปรียบเทียบค่าที่วัดได้กับค่ามาตรฐาน เพื่อให้แน่ใจว่าเกจทำงานได้อย่างถูกต้อง หรือส่งมาตรวัดกับสถาบันสอบเทียบ
- หลีกเลี่ยงการใช้งานเกินช่วงแรงดันที่กำหนด – เพื่อป้องกันความเสียหายต่อกลไกภายใน
- ทำความสะอาดเป็นประจำ – หลีกเลี่ยงการสะสมของฝุ่นหรือสิ่งสกปรกที่อาจส่งผลต่อการทำงานของเกจ
- เปลี่ยนเกจเมื่อพบความผิดปกติ – หากพบว่าเข็มขยับผิดปกติหรือมีรอยรั่ว ควรเปลี่ยนเกจใหม่ทันที
สรุป
เกจวัดแรงดันเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยตรวจสอบและควบคุมแรงดันภายในระบบ เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย การเลือกเกจที่เหมาะสมและดูแลรักษาอย่างถูกต้อง จะช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์และลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากแรงดันที่ไม่เหมาะสม หากต้องการเกจวัดแรงดันที่มีคุณภาพ ควรเลือกซื้อจากผู้จำหน่ายที่เชื่อถือได้และตรงกับความต้องการของงานที่ใช้